วันศุกร์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

เพชรพระอุมา1

ราชสกุลวราฤทธิ์ มีพี่น้องสามคน คนโตชื่อเชษฐา วราฤทธิ์ เป็นอดีตทูตทหารบก มีเรื่องเข้าใจผิดกับน้องชายคนกลาง ชื่ออนุชา วราฤทธิ์ จนเป็นเหตุให้น้องคนกลาง ใช้ชื่อ ชด ประชากร เดินทางไปตามหาขุมเพชรพระอุมาในป่าลึก น้องสาวสวยคนสุดท้องเป็นทั้งนักมานุษวิทยา แพทย์ศัลยกรรมมือดี  เป็นนักกีฬาแม่นปืน ขี่ม้าผาดโผน เพราะน้องสาวคนนี้กลับมาจากต่งประเทศ และทราบว่าพี่ชายหายเข้าไปในป่า แม้เวลาจะล่วงเลยมาเป็นปี แต่ก็พยายามเกลี้ยกล่อมให้พี่ใหญ่ ตามหาพี่ชายกลาง โดยมีเพื่อนชาย นายพันทหารปืนใหญ่ ที่มีอารมณ์ดีเข้าป่าไปตามหาคนหายเป็นเพื่อนด้วย เรื่องเริ่มที่คณะนายจ้างมาติดต่อคุณอำพล ที่เป็นตัวแทนจำหน่ายสัตว์ไปต่างประเทศ เพื่อติดต่อหาพรานนำทาง ระหว่างนั้นเองเป็นช่วงเวลาที่พรานรพินทร์ ไพรวัลย์ นำสัตว์ที่ดักได้ในป่ามาส่งให้ที่ค่ายเก็บสัตว์ของคุณอำพล แต่ระหว่างการลำเลียงสัตว์นั้นเอง ปรากฏว่าคนงานประมาทเป็นเหตุให้เสือหลุดออกจากกรง เข้าทำร้ายคนงาน รพินทร์ ซึ่งเห็นเหตุการณ์โดยตลอด ขณะที่กำลังจะแจ้งเตือนให้คนงานใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ แต่ไม่ทันแล้วเพราะเสือหลุดออกจากกรงแล้ว พรานรพินทร์ เดินเข้าไปหาเสือที่หลุดจากกรง อย่างใจเย็น และยิงเสือตอนที่เสือจะเข้าชาร์จเขา และฆ่าเสือตายในที่สุด ท่ามกลางความตกใจของทุกคนที่เห็นเหตุการณ์

เมื่อรพินทร์ทราบความประสงค์ของการจ้างพรานนำทางเพื่อตามหาคนที่หายเข้าป่า ไปหาขุมเพชรพระอุมา ซึ่งเป็นที่เล่าขานกันมานาน แต่ไม่คิดว่าจะมีใครเชื่อว่ามีอยู่จริง ในขณะที่รพินทร์เอง มีแผนที่ที่ตกทอดมาจากพรานเก่า ๆ ที่เคยให้เขาไว้ และเขาเคยส่งให้เพื่อนพม่าช่วยแปลข้อความให้ ก็เลยกล้ารับงานบุกป่าไปหานายชด ประชากร ที่ไปกับหนานอิน _พรานใหญ่ที่มีชื่อเสียงอีกคนของย่านนี้ (คุณอำพลขอร้องให้ช่วยนำทาง เพราะทางราชสกุลนี้มีบุญคุณกับคุณอำพลมาก) ก็รับปาก เรียกค่าจ้างค่อนข้างแพง และขอเป็นผู้กำหนดสัมภาระที่ต้องใช้ในการเดินทาง และไม่เห็นด้วยที่จะให้มีผู้หญิงร่วมเดินทางด้วย ทำให้เริ่มเขม่นกันตั้งแต่ยังไม่ออกเดินทาง อย่างไรก็ดี การเดินทางก็เริ่มต้นขึ้น โดยรพินทร์เป็นคนจัดหาลูกหาบจากคนที่หนองน้ำแห้งที่ตนเองพักอยู่ และตกลงกันว่าระหว่างการเดินทางหากใครประสบอุบัติเหตุ ฝ่ายผู้จ้างต้องรับผิดชอบอุปการะ ช่วยเหลือด้านการเงินแก่ญาติของลูกหาบที่อาจมีปัญหาระหว่างการเดินทาง ก่อนการเดินทางได้วันนึง มีกะเหรี่ยงแงซายมาสมัครเป็นลูกหาบ ที่รพินทร์จำได้ว่าเขาคืออดีตกองโจรกะเหรี่ยงที่ตีค่ายของเขาสมัยที่เป็นตำรวจตระเวนชายแดนแตก และแงซายเองยังเล่าว่า ตอนนั้นผู้กองรพินทร์ หนีไปทางจุดที่เขาประจำการอยู่ เขาได้ปล่อยให้ผู้กองหลบหนีไปได้ โดยไม่ทำอันตราย ทั้งที่ก่อนหน้าเขาเคยแจ้งข่าวการโจมตีให้ผู้กองทราบแล้ว แต่ผู้กองรพินทร์ไม่เชื่อ การตัดสินใจรับแงซายเป็นลูกหาบ เชษฐาตัดสินใจรับไว้ ในขณะที่รพินทร์ไม่ไว้ใจ เกรงว่ากะเหรี่ยงคนนี้จะสร้างปัญหาเรื่องความปลอดภัยกับคณะเดินทางทุกคน ที่เขาต้องรับผิดชอบ
ในไพรมหากาฬช่วงต้น ๆ ระหว่างการเดินป่า ชาวคณะพบงูจงอางขนาดใหญ่ขวางทาง รพินทร์ยิงนัดแรก งูไม่ตาย จะเข้าฉกซ้ำแต่แงซายก็ซ้ำไปด้วยลูกซองอีกสองนัด ช่วยชีวิตรพินทร์ได้ครั้งแรก และเป็นครั้งแรกอีกเหมือนกันที่ชาวคณะรับทราบในประสิทธิภาพการท่องไพรของแงซาย ทำให้หลังจากนั้นเป็นมา เชษฐาขอตัวแงซายไว้ใกล้ชิด คอยรับใช้ทีมจ้าวนาย
สถานีต่อไปเป็นการล่าเลียงผา รพินทร์ไปคู่กับดาริน และสอนวิธีการเลือกใช้ปืนและการยิงที่ถูกต้องให้ดาริน เมื่อจบวัน ดารินยิงได้มากสุด คืนนั้นดารินแสดงสัญชาติญาณความเป็นแพทย์จ่ายยาสกัดไข้  ป้องกันหวัด ในขณะที่รพินทร์ก็เตือนดารินเรื่องการแต่งตัวให้เหมาะสม (คืนนั้นดารินแต่งชุดนอนอย่างสวย) ซึ่งดารินก็เชื่อยอมเปลี่ยน พร้อมเตือนเรื่องปืนและไฟฉายให้ใกล้ตัวตลอด คืนนั้นอีกที่ดารินนอนไม่หลับ แงซายตามออกไปประกบคุยกันเรื่องประวัติของแงซายว่าอายุ 5 ขวบแม่พาออกมานอกป่า และตายในขณะที่พรานรับเขาไปเลี้ยง และฝากให้อยู่ในความดูแลของพระธุดงค์ จบเขาเรียนสำเร็จ และไปเป็นทหารกะเหรี่ยง และลาออกมาเป็นพราน ดารินเดินไปถึงจุดที่รพินทร์นอนพักอยู่ใต้เกวียน ห่มกระสอบป่าน หนุนถุงข้าว พอรพินทร์ตื่นมาคุยด้วย ดารินก็เปรยว่าไม่น่าขนของมาเยอะเลย ครั้งนั้นดารินเห็นรพินทร์ยิ้มอย่างน่าดูเป็นครั้งแรก ทั้งสองอยู่ในความเงียบของป่าที่มีเสียงสัตว์ดังเป็นระยะ ๆ ที่รพินทร์คอยอธิบายให้ดารินฟัง จนสอนเรื่องการดูตาแดง สัตว์กินเนื้อ ตาเขียวสัตว์กินพืช ได้เวลารพินทร์มาส่งดารินเข้าที่พัก ซึ่งเป็นครั้งแรกเหมือนกันที่รพินทร์เห็นว่าแงซายไม่หลับ พอจะนอนตาคำกับจันก็มาบอกว่าเห็นรอยเจ้ากุด เสือ(เสือสมิง) ลายพาดกลอนที่ฆ่าคนมาหลายศพมาป้วนเปี้ยนแถวที่พักชาวคณะ ทำให้ต้องไปตรวจสอบพื้นที่พักอีกครั้งแต่ไม่พบอะไร เช้ามาก็มาเตือนดารินเรื่องจะออกนอกที่พักต้องมีพรานของเขาไปเป็นเพื่อนด้วย เพื่อความปลอดภัย วันนั้น ดารินออกเดินป่ากับตาคำได้ไก่ป่ามาตัวนึง ขณะที่รพินทร์ไปทำห้างสำหรับให้ชาวคณะขึ้นไปล่าสัตว์พอกลับมาถึงที่พักได้ความว่าทุกคนอยู่ในที่พักหมด เว้นดารินหายไป รพินทร์รีบตามไปเห็นกองเสื้อผ้าวางอยู่ก็รู้ว่าดารินลงไปอาบน้ำ
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น