B23 การควบคุมตัวคนแปลกหน้าเดินทางเข้ามรกตนครยังดำเนินต่อไป แต่เท่าที่รู้ถ้ามีหมู่บ้านใดอยู่ข้างหน้า กองกำลังจะกวาดล้างให้หมด เพื่อล้างแค้นที่โดนปล้นเชลย กุตะมะคุยว่าคืนนั้นถ้าเมยานีจะฆ่าเขาทำได้ง่ายมาก แต่ดูว่าน่าจะมาดูอะไรบางอย่างมากกว่าที่จะเจตนาเข้ามาฆ่าเขา ระหว่างทางกุตะมะคุยเรื่องขุมเพชรพระอุมาที่อยู่ในสุสาน ที่สิงหราชไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้เข้าไปในนั้น แต่เขาเคยเข้าไปกับกษัตริย์วิศนุพรมนาถมาแล้ว ถึงกำแพงเมือง คณะเชษฐายอมให้กุตะมะเข้าเมืองไปก่อนเพราะบาดเจ็บ และเลือกรหัสยะเป็นตัวประกัน เข้าเมืองแล้ว หลังอาหารเย็น รพินทร์อ่านรหัสที่ได้รับจากแงซายว่าให้รับรหัสอย่างเดียวไม่ต้องตอบ ให้ตามหาชด ให้ยอมรับว่ามี 12 คน ซึ่งค้านกับที่กุตะมะบอกว่าให้ยืนยันว่ามี 11 คน พอจะหลับ ดารินก็มาเขย่าปลายเท้าปลุก ยังมีคะหยิ่นอีกคนที่ดารินนัดไว้ รพินทร์ขอยานอนหลับสองเม็ด ดารินเลยตบเข้าให้ รพินทร์เลยกอดดารินต่อหน้าคะหยิ่น คะหยิ่นชอบใจ บอกว่าสองคนนี่จะได้ลูกชายคนแรกดารินมีแผนจะไปสำรวจรอบเมือง แต่ต้องทำให้ยามหน้าที่พักสลบก่อนที่เหลือดารินจัดการเอง รพินทร์ตกลงตามคนรักว่า ลอกคราบกันใหม่ รพินทร์ยังมีแก่ใจไปกอดดารินอีกตอนที่ดารินถอดเสื้อผ้าเพื่อปลอมตัวกันเป็นทหาร แต่ออกไปไม่ทันไรก็เจอบ่วงบาศของเมยานี ที่มาดัก และเตือนว่าออกไปตายแน่ เพราะที่นี่กลางคืนจะไม่มีการถาม แต่ฆ่าทิ้งเลยเพื่อความปลอดภัยของอาณาจักร โชคดีที่มาเจอเมยานีเสียก่อน เมยานีรู้จักรพินทร์และนายหญิงเป็นอย่างดี และขอบคุณผู้กองที่รับจักราชองค์มกุฎราชกุมารมาด้วย ตอนนี้อยู่กับท่านผู้เฒ่าอรชุน ซึ่งเป็นบิดาของนาง เมยานียังบอกอีกว่ารู้จักทั้ง11 คนเป็นอย่างดี เพราะองค์จักราชเล่าให้ฟัง และเล่าว่าตนเองได้รับมอบหมายจากบิดาให้ไปรับองค์จักราช และสาเหตุที่นำอาวุธบางส่วนไปเพราะรู้ดีว่า หากมีอาวุธอยู่ในมือคณะของพรานจะไม่ยอมกองทัพของสิงหราชที่จะไปจับกุม เกรงว่าความเสียหายจะเกิดขึ้นมาก ตอนนี้จักราชอยู่กับพวกเธอ และเป็นห่วงทั้ง 11 คนเลยให้เธอมาส่งข่าว อีกทั้งเล่าให้ฟังเรื่องการปรากฎตัวขององค์จักราช ที่เธอไม่เชื่อเลยมีการประลองกัน และเธอเป็นฝ่ายแพ้ ที่เล่ามายังแสดงให้เห็นว่าองค์จักราชมีความพอใจในหญิงสาวอยู่ด้วย และเมยานีเองก็ออกอาการเขินอายเมื่อพูดถึงองค์จักราช เมยานีเตือนให้ระวังกุตะมะ ไม่ให้ไว้ใจนัก เพราะขนาดพ่อของเขายังโดนหักหลังเลย เพื่อให้อยู่ในอำนาจได้ต่อไป แยกย้ายกันไป
เช้ามารหัสยะ รู้ว่ามีคนร้ายบุกเข้ามาในค่ายพัก แต่ตรวจสอบดูเห็นคณะอยู่ครบทั้งสิบเอ็ดคน และไม่มีพิรุธอะไร ก็ไม่ติดใจ วันนี้เป็นการเข้าเมืองแล้ว แต่กษัตริย์ไม่ออกมาคนที่นั่งเสลี่ยงกลายเป็นกุตะมะเป็นผู้แทนพระองค์กล่าวต้อนรับคณะเชษฐา และพาไปพักในที่พักที่จัดไว้ให้ คราวนี้ เชษฐาตัดสินใจเลือกรหัสยะเป็นตัวประกันเหมือนเดิมอีกครั้ง หลังจาการเข้าเฝ้ากษัตริย์สิงหราอย่างเป็นทางการแล้ว สิงหรา แจ้งข่าวให้ชาวคณะทราบว่ามีคนแปลกถิ่นสองคนที่เป็นเชลยของมรกตนคร และยังมีชีวิตอยู่ ชาวคณะทุกคนดีใจมาก เชษฐาบอกว่าเขามากัน 12 คน และคนที่ 12 ที่หายไปเขาเป็นผู้ที่บอกให้หลบไปเอง และสามารถตามตัวกลับมาได้ทุกเมื่อ และขอให้เขาได้พบกับเชลยทั้งสองคนของมรกตนครด้วย คราวนี้สิงหราบอกว่าขอให้เอาคนแก่ไว้ อยากให้รหัยะไปเป็นตัวประกันแทน ทำให้เชษฐาตัดสินใจได้ง่ายว่าจะเลือกเอากุตะมะที่ยังนั่งเสลี่ยงอยู่เป็นตัวประกันลงไปในคุกเพื่อไปพบเชลยทั้งสอง ไม่รู้ว่าผิดคาดหรือเปล่าแต่ที่แน่ ๆ ทันทีที่เข้าไปในคุก กุตะมะก็บอกว่า เข้ามาแล้วออกไปไม่ได้อีกแล้ว เขาดีใจที่เชษฐาเลือกเขาลงมาเป็นตัวประกัน อย่างไรก็ดี พี่น้อง ก็ได้พบกัน อนุชา เป็นคนร่างใหญ่พอกับเชษฐา เครายาวถึงหน้าอก ผมขาวประปราย และคนแก่อีกคนผมขาวทั้งศีรษะ ตัวเล็ก ปราดเปรียว ทั้งสองเห็นรพินทร์ และดีใจที่เจอกัน ในขณะที่รพินทร์บอกว่าให้ดูให้ดีว่ามีใครมาอีกบ้าง ทันใดนั้นดารินก็โผเข้ากอดพี่ชาย ไชยันต์ก็โผเข้ากอดเพื่อน สามคนกอดคนกันร้องไห้ ไชยันต์บอกว่าพี่ใหญ่ก็มาด้วย ที่ผิดใจอะไรอยู่ขอให้เลิกแล้วต่อกัน เชษฐาน้ำตาคลอเมื่อเห็นน้องชาย และไชยันต์แนะนำให้มาเรียว่าเป็นภรรยาเขา ซึ่งอนุชาไม่ทราบความนัยมาก่อนบอกว่ามาเรียเป็นคนสวยไม่น่าต้องมาลำบากตามหาเขาด้วยเลย ในคุกพวกเชษฐาฆ่าผู้คุมไป สองคน ซึ่งไม่มีใครสนใจ ทั้งคณะคิดว่าในคุกอาจจะมีปัญหาตามมาถ้ากลิ่นศพโชย แต่ดูกุตะมะ ไม่ตกใจอะไรทั้งรู้ว่าโดนขังอยู่พร้อมพวกเชษฐา แต่กลายเป็นว่าเขานัดแนะกับพวกของสุกรี เข้าผ่านช่องทางลับ ซึ่งเป็นเส้นทางที่มีเขา กษัตริย์วิศนุพรมนาถพ่อของจักราชเท่านั้นที่รู้ทางลับนี้ และเป็นทางที่เขานำเกษราเทวี กับลูกชายจักราชหนีตายออกจากเมืองได้สำเร็จ ส่วนพลหามทั้งสี่จริง ๆ แล้วในไม้ที่หามก็มีอาวุธซ่อนอยู่ และเป็นนายทหารคนสนิทของท่านกุตะมะ ทั้งหมดใช้ช่องทางลับ โดยมีสุกรี ซึ่งเป็นเดนตายที่ดารินเคยช่วยชีวิตไว้ เป็นคนไปรับออกจากคุก และหลบหนีไปสู่ที่พักของกองกำลังฝ่ายต่อต้านกษัตริย์สิงหรา ที่มีท่านผู้เฒ่าอรชุน บิดาของเมยานีเป็นกำลังหลัก แต่ในปัจจุบันมีจักราชเป็นองค์บัญชาการโดยตรงแล้ว ทั้งหมดได้เข้าพบจักราชอย่างเป็นทางการ ด้วยความดีใจของทุกฝ่าย แงซายหรือจักราชเคยนอบน้อมอย่างไร ก็เป็นเช่นนั้น ตรงเข้าทักทายทุกคน รวมทั้งผู้กอง ยังไม่วายบอกว่าเขาเล่าทุกอย่างให้ผู้กองรู้แล้ว แต่ผู้กองไม่เชื่อเขาเอง เชษฐายืนยันว่าจะช่วยแงซายหรือจักราชกู้บังลังก์คืนมาให้ได้ มีการแนะนำตัวนายทหารระดับบังคับบัญชาของกองกำลังฝ่ายจักราช ซึ่งเชษฐาได้ทักทายทำความรู้จักกับทุกคน และสอบการกำลัง และสถานการณ์ที่ผ่านมา หลังจากนั้น จักราชให้ทุกคนออกไปหมดเหลือแต่เขากับคณะนายจ้างและอนุชา หนานอิน และเข้าทักทายกับเพื่อนลูกหาบกันด้วยความยินดีทุกคนดีใจกับแงซายที่ตอนนี้เป็นองค์มกุฎราชกุมารแล้ว โดยเฉพาะหนานอิน ซึ่งเป็นคนที่ช่วยเหลือ เลี้ยงดูแงซายมาตั้งแต่เด็ก แต่เพิ่งมาทราบความจริงว่าเด็กคนที่เขาช่วยเหลือไว้ เคยช่วยชีวิตของไว้ตอนที่ถูกกองทหารกะเหรี่ยงจับ และเคยเป็นพรานร่วมกับหนานอิน จนเคยพาไปรักษาพยาบาลตอนที่หนานอินได้รับบาดเจ็บระหว่างการล่าสัตว์ หลังจากนั้นเป็นการหารือเพื่อการกู้บังลังก์ที่ดารินกับมาเรียไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไร เพราะจักราชนำแผนที่ที่เขาสเก็ตขึ้นมาให้คณะนายจ้างดูเพื่อการเตรียมทำศึก รพินทร์ไม่พูดอะไรเลยระหว่างนั้น แต่คอยฟังสิ่งที่เชษฐากับไชยันต์ และจักราชโต้ตอบกันอยู่ ตอนนี้รพินทร์พอจะเห็นทางช่วยจักราชได้แล้ว พอดารินถามว่าไม่คิดว่าจะพูดอะไรบ้างเลยเหรอ รพินทร์จึงเข้าเป้าถามเรื่องกองกำลังทั้งหมดของสิงหรา และคิดว่าจะใช้แผนระเบิดปิดทางเพื่อเผด็จศึก ซึ่งจักราชตกใจและขอร้องว่ายังไงให้คิดว่าทหารทั้งหมดเป็นลูกมรกตนคร ไม่อยากให้คณะนายจ้างทารุณมากนัก ซักถามทั่วไปแล้วรพินทร์ขอให้จักราชออกไปก่อน พวกเขาจะหารือกัน ซึ่งเชษฐาเห็นด้วยเพราะจักราชรู้แผนละเอียดจะยิ่งไม่สบายใจเพราะพวกเขาคิดว่าถ้าจะช่วยเผด็จศึก โดยที่ศัตรูมีกำลังมากกว่าฝ่ายจักราชเป็นสี่เท่าเช่นนี้ ต้องล่อให้ข้าศึกตามเข้าไปในหุบเขา และระเบิดหินปิดล้อม หว่านล้อมให้จำนน รวมไปถึงหาทางถล่มประตูเมืองด้วยธนูระเบิด ที่ดารินกับเมย์ไปดูธนูของเมยานี และขอให้เมยานีทำธนูยักษ์ขนาดสองคนง้างให้เธอ พร้อมลูกธนูขนาดเดียวกับคันธนู ทำเสร็จให้นำไปแอบไว้ที่ที่พักและห้ามบอกความใด ๆ กับจักราช ตอนที่สองสาวเห็นคันธนูก็ตกใจว่าใหญ่มาก คิดว่าเมยานีจะทำให้เป็นที่ระลึกของชาวคณะ ไม่คิดว่าจะทำไปใช้ แต่รพินทร์เห็นเข้าก็บอกว่าขนาดเหมาะมาก มีกำลังดี และใช้วิธีตรึงกับพื้นยิงออกไป การตรึงธนูเป็นความคิดของอนุชา แต่หนานอินท้วงว่าตรึงเฉย ๆ จะมีปัญหาเหมือนธนูจำลองที่แกทำขึ้นมา ถึงได้รู้ว่าต้องเปลี่ยนระยะตั้งคันธนูใหม่ โดยรพินทร์มาเห็นสองคนหารือกันอยู่ก็เห็นด้วย โดยที่ชาวคณะคนอื่นยังไม่รู้วิธีที่เปลี่ยนไปนี้ อาหารเย็นคืนนั้นหลังจากที่จักราชกลับจากการทำศึก ก็เข้ามาพบคณะนายจ้างหารือเรื่องแผนต่อไป โดยคืนนี้ไชยันต์ให้แบ่งกองกำลังก่อกวนฝ่ายสิงหราไม่ให้พักผ่อน ในขณะที่ให้กองทหารของจักราชที่ต้องทำศึกพรุ่งนี้เช้าพักผ่อนให้เต็มที่ และขอแบ่งทหารบางส่วนให้อยู่กับพวกเขาในขณะที่จะสำรวจพื้นที่บริเวณหุบเขา จักราชออกอาการตกใจเมื่อเห็นกลุ่มลูกหาบเตรียมวัตถุระเบิด แต่ขอร้องรพินทร์ให้เบา ๆ หน่อย ทั้งหมดออกเดินทางพร้อมกัน และแยกกันตรงปากทางโดยจักราชออกไปทำศึกและจะกลับมาตอนดึก พวกรพินทร์ออกไปสำรวจพื้นที่หาจุดวางระเบิด จุดยิง ที่ยังพอทำได้เพราะเดือนสว่าง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น