วันศุกร์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

เพชรพระอุมา 9

B15 วันนั้นทุกคนก็ดูอารมณ์ดีกันแล้ว ดารินเห็นบุญคำนั่งทำอะไรง่วนอยู่กับรพินทร์ก็เข้าไปทัก รพินทร์อยากอยู่กับดารินแต่ไม่อยากให้คนที่สามรู้ความในใจเลยขอตัวไปเรียกพรานเข้าที่พัก ดารินหาเรื่องมาคุยกับตาคำ พอดีตาคำกำลังทำตะบันไฟ ดารินหลอกถามเรื่องที่ลำธารว่าเกิดอะไรขึ้น ตาคำเล่ามั่ว ๆ ช่วยพรานใหญ่ไป นึกในใจว่าดีนะที่ดารินไม่เห็นตอนนายแหม่มแก้ผ้ากอดรพินทร์ มาเรียมาเสริมอีกคน หลอกถามกันเรื่องที่ลำธารอีก จบกันไปดารินไม่ติดใจอะไร ทั้ง ๆ ที่ได้ยินเสียงที่มาเรียร้องว่าโดนข่มขืน ค่ำวันนั้น ดารินเขม่มมาเรียเพราะมาเรียแกล้งพูดเปรยว่าคนดงอย่างแงซายจะรู้อะไร ดารินไม่พอใจที่เมย์ดูถูกคนอื่นเลย ด่ามาเรียหลายชุด ขนาดรพินทร์ยังแอบขำคิดว่าน่าจะพูดเป็นภาษาอังกฤษให้มาเรียรู้น่าจะดีกว่าพูดไทย สุดท้ายเชษฐารำคาญที่มัวแต่คุยไม่เป็นเรื่องกันอยู่ได้ เลยไล่ให้ไปคุยกันไกลๆ (วันนั้นดารินด่ามาเรียหลายเรื่องเพราะหมั่นไส้ และไม่พอใจที่มาเล่นพิเรนทร์ พอโดนดารินถีบก็ฟ้องเชษฐา ทำให้ดารินโดนดุด้วย) เชษฐาถามเรื่องการเตรียมธนูอีกรอบ คืนนั้นมาขอร้องรพินทร์ให้จัดยามให้ตาคำอยู่คู่กับมาเรีย กะจะเล่นมาเรียอีก รพินทร์ช่วยเหลือเต็มที่ ดารินนอนไม่หลับอีกแล้ววิตกเรื่องตัวใหญ่ที่มากินซากช้างโบราณ ดารินที่ยังนอนไม่หลับเดินไปดูแงซายทำธนู ถามอะไรก็ไม่ได้คำตอบ โบ้ยให้ถามผู้กอง โดยแงซายต้องอยู่ด้วย รพินทร์พยายามบอกว่าสังหรณ์ใจเลยเตรียมไว้ อยู่ไม่อยู่ดารินถามเรื่องที่ลำธารว่าได้ยินเสียงเมย์เอ่ยชื่อเธอเกิดอะไรขึ้น รพินทร์เสียววูบ แต่ไม่รอคำตอบดารินเดินกลับไปนอนเลย รพินทร์มารู้สึกตัวอีกทีตอนแงซายหัวเราะ เบา ๆ
ทุกคนนอนกันหมด เว้นรพินทร์ที่อยู่เวรตอนนั้นกับส่างปา มือถือลายแทง แต่ใจไปคิดถึงสิ่งที่ดารินพูด นึกอยู่ว่ามาเรียไปวางเพลิงอะไรเขา แต่ก็คิดว่าดารินไม่น่าจะคิดอะไรมาก แต่สุดท้ายรพินทร์ก็กลัวใจผู้หญิงอยู่ดี คิด ๆ อยู่เจ้าแงซายก็ร้องเพลงแซวซะงั้น ดารินอยู่ยามคู่กับจัน ปรากฏว่าหลอกถามชีวิตส่วนตัวของพรานใหญ่ แต่ก็ได้ความทำนองเดียวกับที่รู้จากตาคำ แต่จันสิ เดือดร้อน พอหมดยามจะเข้านอนก็โดนตาคำเล่นงาน ในฐานที่พูดสิ่งที่เจ้านายไม่ให้พูดให้นายหญิงรู้ ยามต่อไปมาเรียอยู่คู่กับตาคำที่ยังตาเขียวอยู่เพราะเรื่องที่จันไปเล่าเรื่องที่เข้าใจว่าแสงโสมเป็นเมียพรานใหญ่ ตาคำสังเกตว่าไม่ตื่นมาตามนัดเสียที ส่วนมาเรียคืนนี้ร่านจัดไปยุ่งกับย่ามส่วนตัวของแงซาย แต่แงซายไม่หลับจับมือไว้ มาเรียเสียหลักล้มไปบนตัวแงซาย แต่แงซายเตือนว่าตอนนี้มีคนจับตาดูเขาอยู่สามคนคือพรานใหญ่ นายทหารและบุญคำ ไม่ให้มาเรียทำอะไรที่ไม่สมควร มาเรียโกรธตบหน้าแงซาย  ที่ยังไม่ลุกขึ้นมาเพราะเห็นดารินยังนอนพลิกไปพลิกมา พอดารินหลับแล้วก็ทำทีเป็นจะลุกไปป่า โดยไม่สนใจมาเรีย  ๆ เป็นยามเลยตามไปเป็นเพื่อน ก็เลยเข้าทางเพราะคืนนี้เป็นคืนที่เขาวางแผนกะจะเล่นมาเรีย มาเรียเองก็หงุดหงิดจากแงซายมาแล้ว แต่ก็ยังไม่ยอมง่ายๆ จนเลือดขึ้นหน้า และเห็นชัด ๆ ว่าเมย์ไปยั่วแงซายมา ทั้งด่า ทั้งตบ และข่มขืนมาเรียแบบลืมตัว จนกระทั่งรพินทร์กับแงซายมาแยกออก รพินทร์ให้แงซายพานายทหารกลับที่นอน และเขาปลอบมาเรีย ตาคำโผล่มาดูได้แต่บ่นว่าไต่ไปกระทืบไปแบบนี้ไม่น่าช่วยเลยบาปกรรมแท้  ๆ ยังไม่โดนถีบตาคำหายไปซะก่อน มาเรียบอกว่าพรุ่งนี้เธอกับส่างปาจะแยกจากกลุ่มแต่รพินทร์ห้ามไว้ บอกว่าทำไปเพราะรักมาเรีย สุดท้ายพยุงพามาเรียไปส่งที่นอน มาขอโทษมาเรีย และให้มาเรียยิงตัวเอง แต่มาเรียบอกว่าถ้ามีลูกในท้อง แล้วจะได้อะไรเพราะรพินทร์ไม่เคยมีอะไรกับเธอเลย ยังไม่ทันนอนกัน คนที่ไม่หลับยินเสียงเหมือนฝนตกไกลๆ แต่แงซายที่ยังนอนอยู่แม้ว่ารพินทร์จะมาเรียกบอกว่าไม่มีอะไรหรอกคืนนี้ตัวนั้นเจอเหยื่อแล้วไม่มายุ่งที่แค้มป์หรอก
การออกเดินทางครั้งใหม่ที่มีแงซายกลับมาร่วมทีมอีกครั้งเกิดขึ้น ดารินอารมณ์ดีแวะทักทายพรานทุกกคนอย่างสนิทสนมแม้แต่คะหยิ่นที่พูดกันไม่รู้เรื่องก็ยังมีเรื่องชมได้ ดารินบอกว่าถ้ากลับถึงหนองน้ำแห้งจะให้รางวัลทุกคน พอตาคำบอกว่าของตาคำขอแค่กล้องของนายหญิง ดารินบอกว่าตาเฒ่าขี้ประชาสัมพันธ์จะไม่ให้อะไรเลย รพินทร์ทวงมั่ง แต่บอกว่าเคยบอกว่าจะให้อะไรแล้วลืมไปแล้วเหรอ  ดารินลืมจริง ๆ พรานเลยบอกว่าจะให้นาฬิกาใจไง ดารินบอกว่าไม่ให้แล้วจะเปลี่ยนเป็นให้หลานสาวหม้ายนายอำพลแทน รพินทร์กวนประสาทดารินบอกว่ายินดีรับ เท่านั้นแหละดารินแทบจะกระทืบเท้าจากไปเลย
วันนั้นการเดินทางเป็นการเดินทางผ่านทางประสาทพันธุมวดี เมย์ยังบอบช้ำอยู่ แต่ทรหดมากไม่ยอมให้ใครช่วยเหลือโดยเฉพาะ ระหว่างทางคนที่ไม่รู้เรื่องมาก่อนเลยเริ่มเห็นรอยสัตว์ใหญ่ที่เป็นต้นเหตุของการทำธนู แต่มาเรียให้ข้อคิดว่าธนูระเบิดที่ใช้กันอยู่เดิมไม่น่าจะฆ่าสัตว์ใหญ่ขนาดนี้ได้ นอกจากเข้าตรงจุดสังหารเท่านั้น ไชยันต์เองก็หนักใจเรื่องนี้แต่ไม่ได้บอกคนอื่นให้ขวัญเสีย ดารินบ่นกับพี่ชายว่ารพินทร์เดินหนีไปอีกแล้ว สมัยหลงป่าด้วยกันเดินเร็วขนาดไหนก็ตามทัน แต่พี่ชายบอกว่าเดินเร็วแปลว่าเร่งคนอื่นให้เดิน อีกอย่างถ้ารพินทร์ไม่รอเสียอย่างใครก็ตามไม่ทัน พอดีเดินไปถึงจุดที่รพินทร์รออยู่ พอดารินเลยคู่กับรพินทร์ได้หมั่นไส้ก็ทุบกลางหลังเข้าให้ _ทุบเขาทำไม มีโอกาสเลยได้พูดเรื่องที่ลำธารอีกครั้ง คราวนี้รพินทร์รู้ว่าดารินรู้หมดทุกอย่างรวมทั้งเรื่องที่ไชยันต์ตบมาเรียหน้าเขียวด้วย รพินทร์ยอมรับทุกอย่างแต่ขอให้เชื่อว่าคนที่มีมโนธรรม อย่างเขาจะไม่ทำอะไรที่ไม่ถูกต้องที่ดารินเคยเห็นมาแล้ว ดารินได้แต่สงสัยว่าตะโกนว่าโดนปล้ำแต่พอไปเห็นกลับไม่มีอะไร แสดงว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่นอน แต่ตัวเองไม่สนใจ (แต่ถามหลายรอบ) และบอกว่าตอนแรกคิดว่ารู้จักรพินทร์ดี แต่ตอนนี้คิดว่าไม่รู้ และพูดกระทบไปถึงแสงโสม แต่รพินทร์บอกว่าเคยรักแต่เดี๋ยวนี้ไม่รักแล้ว เลยมาประชดชีวิตในป่าเพราะไม่มีใครรัก ไม่คิดอยากได้ค่าจ้าง เขาหวังเพียงแค่ว่าพอออกจากป่าแยกทางกันไปอยากให้ดารินเข้าใจเขาในทางที่ถูก ดารินยังต่อว่าให้เจ็บใจ แต่รพินทร์เดินกลับไปนำทางเหมือนเดิมด้วยสายตาปวดร้าว ดารินเห็นแต่ไม่คิดจะง้อเพราะไม่ใช่วิสัยดาริน เชษฐาตอนนี้ถึงจะไม่มีรพินทร์แต่เขาสามารถเรียนรู้การเดินป่าจากครูรพินทร์ได้เป็นอย่างดี ถ้าบอกทิศทางให้ พร้อมทั้งหมั่นสังเกตกิริยาพราน พอดูทิศทางลม หรือรีรอ แสดงว่าต้องมีอะไรให้ระวังตัว ในขณะที่ดารินรู้ว่าถ้าพรานใหญ่มีอาการผิดปกติ ต้องถามแงซายจะได้คำตอบที่ถูกต้อง แม้แต่ไม่รู้ว่าจะไปทางไหนถ้าไม่เห็นพรานนำทางถามแงซาย จะได้คำตอบที่เหมือนรพินทร์ รอบนี้เจอโคตรแรด ตอนแรกรพินทร์แยกไปในระยะประชิดตัวแรดยักษ์ เขาไม่ยิง เพราะคิดว่าไม่มีเวรต่อกันก็แยกกันไป ในขณะที่ทุกคนสงสัยว่ารพินทร์ไปเป่าขม่อมแรด เลยเดินผ่านกันมาได้ แต่ไม่ทันไรพอลมเปลี่ยนทิศเจ้าสัตว์ยักษ์รู้ตัววิ่งเข้าใส่กลุ่มนักท่องไพรกลุ่มใหญ่วิ่งกันกระเจิง เส่ยวิ่งตูดแป้น ดารินเกือบโดนเหยียบเละ มาเรียล้มแรดไม่ได้โดนวิ่งเข้าชน จนไชยันต์ได้สติเห็นแหม่มจะแย่ หลับหูหลับตายิง คว่ำแรดยักษ์ได้อย่าแงซาย ๆ ตัวเองมือฉีก ทุกอย่างจบลง รพินทร์โดนดารินเหน็บเหมือนเดิมที่ไม่ยอมยิงทำให้ทุกคนเสี่ยงอันตรายกันครบ ในขณะที่รพินทร์ถามว่าปืนแงซายไม่อยู่เหรอไม่เห็นยิง แงซายบอกว่าเขาต้องหาบของ ล้ม ลุกไม่ทัน อีกครั้งที่ส่างปาหายไปจากกลุ่มเพราะเจ้านี่วิ่งเร็วกว่าใคร
กลุ่มหินข้างหน้าคณะเจอร่องรอยการต่อสู้ของสัตว์ยักษ์ที่เป็นที่มาของเสียงเหมือนฝนตก คว้าก ๆ อย่างที่ตาคำว่า เพราะมีรอยเลือดของช้างโบราณที่ถูกสังหาร และโดนกัดกิน (ได้เหยื่ออย่างที่แงซายบอกรพินทร์ ว่าไม่ต้องห่วง)  รพินทร์ตรวจสอบแผนที่เดินทางอีกครั้งบอกว่าเห็นเขาเกือกม้าแล้ว เพื่อความมั่นใจเรียกแงซายมาถามว่าพระธุดงค์มาเข้าฝันบอกอะไรอีก รพินทร์บอกว่ารู้ว่าต้องการไปให้ถึงเนินพระจันทร์ให้เร็วที่สุดให้ช่วยกันหาทาง ในที่สุดแงซายก็บอกทางที่คิดว่ารพินทร์ก็รู้แล้วว่าต้องหาทะเลสาบมรณะให้ได้ ซึ่งก่อนค่ำพรุ่งนี้ควรถึง  มีการต่อว่ากันนิดหน่อยเพราะดารินพูดกระทบรพินทร์ เชษฐาต้องดุ ไชยันต์ช่วยรพินทร์ก็โดยดารินอัดให้ว่าอย่าดีกว่าทำคดีอะไรไว้เมื่อคืน รู้หมดนะ ไชยันต์ซึมไปเลย
บุกป่าต่อไป เหมือนเดิมรพินทร์หายไปอีกดารินก็ขัดใจอยู่คนเดียว ว่าหายไปไหนทำไมไม่รอคนอื่น ระหว่างทางเสือจะเข้ามาขย้ำคนเดินท้ายสุดคือส่างปา โชคดีที่ส่างปามีเครื่องหลังที่มีรอยเล็บเสือแหกไปหมดไม่งั้นหลังคงแหวะไปแล้ว แงซายเป็นคนปราบเสือไว้ได้ก่อนที่จะทำอันตรายใคร ดารินที่ไม่เคยสนใจสิ่งแวดล้อมเพราะมีคนนำทางสังเกตเห็นรอยเลือดแต่มาเอะใจว่าเป็นรอยเลือดสัตว์ที่ยิงเป็นอาหารที่ลูกหาบหาบไปข้างหน้าเลยแกล้งคุยเรื่องภูมิประเทศแปลก ๆ กับเมย์เพราะไม่ต้องการให้เมย์ดูถูกเอา แล้วก็วกเข้าเรื่องที่ลำธารอีกจนได้ ถามว่าเกิดอะไรขึ้นเพราะได้ยินเสียงว่าไพรวัลย์ปล้ำเมย์ คำตอบที่ได้คือไม่มีอะไรชายคนนั้นไว้ใจได้เสมอ ทำให้คนอย่างเมย์เองรู้สึกเสียใจทำให้ดารินดีใจที่ได้ยินคำพูดที่ไม่ได้ดูหมิ่นรพินทร์ ทั้ง ๆ ที่เธอก็รู้ว่ารพินทร์เป็นอย่างไร
ช่วงพักระหว่างทางเริ่มคุยกันว่าอาจเดินไปอยู่ใต้ท้องสัตว์ดึกดำบรรพ์ ให้ทุกคนระวังตัว รพินทร์ชี้ให้ดูว่าแงซายกำลังลองธนูอยู่ ยิ่งแสดงให้ทุกคนเห็นว่าต้องระวังตัวให้มากแล้ว ระหว่างเดินป่าเชษฐาไม่ให้ดารินเดินหลัง แต่พอไม่มีเพื่อนคุยดารินก็หันมาคุยกับมาเรีย ที่ชี้ให้ดูแร้งไก่งวงที่บินวนเวียนแถวพวกเธอที่แสดงว่าบริเวณที่บินอยู่ต้องมีซากอะไรสักอย่างหรือกำลังจะมีซาก อีกครั้งเมื่อเดินผ่านดงกระบองเพ็ชร รพินทร์เห็นมีรอยมีดตัดกิ่งกระบองเพชรแสดงว่ามีคนผ่านมาทางนี้แต่ไม่รู้ว่าใคร เพราะเห็นหลักฐานนี้รพินทร์เลยขอหารือเรื่องการพักแรมวันนี้ว่าต้องการหาฟืนเพื่อให้ความอบอุ่นกับคณะต้องขอเบี่ยงเส้นทาง เลยเดินเบี่ยงทางไป เชษฐาหารือกับแงซายเรื่องเส้นทาง แงซายบอกว่าถ้าตัวเองเป็นรพินทร์จะไม่เข้ามาทางนี้ อยู่ไม่อยู่ต้นไม้ในดงที่พวกเขาเดินมาก็แปลก ๆ มาเรียตกใจถอยไปโดยกิ่งไม้รัดตัว ต้องช่วยกันจ้าละหวั่น รพินทร์เริ่มพูดถึงแงซายอีกครั้ง ดารินก็แหวเอา จนสุดท้ายท้าทายกันว่าให้รพินทร์พิสูจน์ว่าแงซายรู้ทุกอย่างเพียงแต่ไม่พูด ไม่บอก จริง รพินทร์ให้แงซายนำออกจากดงต้นไม้มรณะ แงซายออกจากพื้นที่อันตรายคนเดียวด้วยไต้ คนอื่นเห็นจริงตามรพินทร์บอกว่าสองคนมีเหลี่ยมคูกันตลอด ออกมาได้ดารินตบแงซายซะหน้าหัน เพราะเห็นว่ารู้แต่ไม่พูดในสิ่งที่ควรพูด ควรบอก อาจทำให้คนใดคนหนึ่งในทีมได้รับอันตราย รพินทร์มาจะห้ามเกือบโดนไปอีกคน ตอนนั้นทุกคนกลัวดาริน เพราะบทเธอจะเอาจริง น่ากลัวมาก การเดินทางช่วงต่อไปมีที่พักแล้ว และมีหลักฐานเป็นลูกปืนของสองคนที่หายไป แต่ก็เกิดอุบัติเหตุปืนของส่างปา ที่ไม่ได้เรื่องจริง ๆ เรื่องปืนลั่นระหว่างการเดินทางและไม่เซฟไว้ เสียงปืนทำให้เจ้าสัตว์ยักษ์ที่หลบโขดหินอยู่ตกใจตื่น อาละวาดคณะ เชษฐากระโดดหลบจนขาที่มีปัญหาอยู่เจ็บอีก แงซาย ตกลงไปข้อเท้าติดซอกหินทำอะไรไม่ได้ มีดารินที่พยายามหาเป้ายิง แต่ก็ยิงไม่ได้ รพินทร์เสี่ยงชีวิตอีกครั้งไปช่วยงัดแงซายออกมาได้ แต่คันธนูตกอยู่ด้านล่างรพินทร์ให้ทิ้งไว้ เอาชีวิตรอดก่อน แงซายเห็นว่าต้องใช้ธนูเท่านั้นถึงจะกำจัดเจ้าสัตว์ร้ายได้ ขอเสี่ยงลงไปเอาคันธนูขอให้รพินทร์ใช้ไต้ไฟล่อสัตว์ยักษ์ ระหว่างกำลังล่อเกือบจะสำเร็จ ดารินไม่รู้เรื่องไม่ตั้งใจก็ยิงปืนไปโดนส่วนหัว แผนการทั้งหมดของรพินทร์เสียไป เพราะกระสุนนัดนี้ รพินทร์หนีเอาชีวิตรอดจนเหนื่อยหมดสติไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น