B17 ขณะเดียวกันเจ้าสัตว์ยักษ์ที่ตาเสียไปข้างหนึ่งก็อยู่ที่ช่องเขาขาดนั้นด้วย เมื่อไม่มีทางเลือกก็ต้องฆ่าแล้วผ่านไปให้ได้ ตอนนั้นคะหยิ่นที่มีหูทิพย์ได้ยินเสียสัตว์ใหญ่สองเท้า เดินมา 4 เท้า ทุกคนเห็นว่าเป็นสัตว์ที่มีรูปร่างเหมือนเป็ด แต่เป็นเป็ดยักษ์ ที่มาเรียเล่าว่าเจ้าตัวแบบนี้หากินอยู่ในพื้นที่ลุ่ม แสดงว่าแถวนี้ต้องมีแหล่งน้ำใหญ่ แต่เจ้าเป็ดยักษ์สองตัวที่ไม่มีอันตรายกับใคร กับได้รับอันตรายจากเจ้าตัวที่หมอบอยู่ที่ช่องเขาขาด ทั้งสองตัว วันนี้เป็นวันที่ต้องจัดการกับเจ้าสัตว์ยักษ์ตาบอด กลุ่มใหญ่เป็นตัวล่อ กลุ่มเล็ก เป็นตัวยิง มีเชษฐา แงซาย รพินทร์ มาเรียที่ใจกล้า อยู่ในกลุ่มว่องไวสุดล่อด้วยเสียงปืน เจ้าสัตว์ร้ายตามเหยื่อมาเรีย กัดเสื้อขาด รพินทร์ไม่รู้ว่าขาดมาแต่เสื้อหรือมีเนื้อติดมาด้วย ที่แน่ ๆ รพินทร์สามารถสอยดวงตาอีกข้างของเจ้าสัตว์ร้ายได้ และเชษฐาเป็นคนยิงธนูระเบิดแทนที่จะเป็นแงซายที่อ้างว่าข้อมือเคล็ด สังหารสัตว์ร้ายได้ มีมาเรียที่หัวน๊อคพื้น แต่ไม่เป็นอะไรมาก รอบนี้มาถึงทะเลสาบมรณะ ตรวจสอบกับแผนที่แล้วเดินทางไม่ผิด แต่ที่ทะเลสาบนี้มีสัตว์ใหญ่สารพัด ตั้งแต่จิ้งจกน้ำยักษ์ สัตว์คล้ายตัวฮิปโปแต่ไม่ภัย รวมถึงค้างคาวแวมไพร์ดูดเลือดที่ต้องระวัง ถามหาเส้นทางอื่นจากแงซายก็ได้แต่บอกว่าแล้วแต่คณะนายจ้างกับผู้กอง เขาไม่มีความเห็น จนแทบจะโดนไชยันต์ถีบกระเด็น ชาวคณะตกลงเดินลุยน้ำเพื่อย่นระยะทาง ตอนนี้เจอแบบบัวกระด้งแต่กินคน ถ้าคนไปติดมันจะลากคนผลุบลงไป ตอนนี้รพินทร์แสดงให้ทุกคนเห็นว่ามันดูดคนลงไปยังไงโดยตัวเองแสดงให้ดู และมีพรานช่วยกันดึงบ่วงตัวเขาขึ้นมา แต่ปรากฏว่าเกือบตาย รอบนี้ที่กอบัวยังได้กะโหลกมนุษย์ติดมาด้วย ดารินอ่านจากหลักฐานกลายเป็นทุกอย่างตรงกันหมดกับอนุชา และหนานอิน ทุกคนเศร้า คิดว่าจะต้องฝัง แล้วเดินทางกลับ แต่อยู่ไม่อยู่แงซายโผล่ออกมาว่าไม่ใช่กะโหลกหนานอินแน่นอนเพราะหนานอินมีฟันปลอม ที่เขาเคยพาไปตั้งแต่สมัยเดินป่าด้วยกัน และมีหลักฐานเป็นกระดูกสัตว์และปลอกกระสุนปืนที่คนหายสองคนยิงสัตว์เป็นอาหาร ซึ่งแน่ชัดว่าสองคนยังไม่ตาย คณะนายจ้างดีใจอีกครั้ง
คราวนี้ตั้งค่ายพักแรม เพราะกลัวเจ้าค้างคางดูดเลือดบุญคำเสนอให้ใช้หนามสะที่พัก พวกพรานหายไปหาหนามกัน ต่างคนต่างช่วยกันตั้งค่ายพัก พรานหายไปนานรพินทร์เลยไปตามเพราะเริ่มผิดปกติไปเจอพวกพรานเจอมนต์สะกดของโป่งค่าง รพินทร์ต้องแก้ไขด้วยการยิงเจ้าโป่งค่างเพื่อถอนมนต์ให้พรานที่เดินรอบต้นไม้อย่างจ้าละหวั่นหาทางกลับค่ายไม่ถูก เสียงปืนนัดนั้นทำให้พวกเชษฐา ต้องลงมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น รพินทร์เองไม่อยากให้ทิ้งที่พัก เพราะหวั่นใจว่าจะเกิดเหตุร้าย จริงช่วยทางนี้ได้ทางค่ายพักโดนฉกสัมภาระทั้งหมดไปไม่มีเหลือเลย
B19 อันนี้เพราะมนุษย์วานร ต้องการความช่วยเหลือด้านการแพทย์จากดาริน จ้าวนายใหญ่มนุษย์วานรสู้กับสัตว์ยักษ์เสียท่าโดนกระซวกไส้ไหล พวกมนุษย์โดนคุมตัวไปเมืองวานร ระหว่างทางแงซายแยกไป เจ้าลิงก็ไม่ใส่ใจ รพินทร์แยกไปบ้างพวกลิงก็ยังไม่ใส่ใจ แม้ว่าเขาจะเดินกลับมาเข้ากลุ่มแล้วก็ตาม รพินทร์คิดว่าพวกลิงเห็นว่าคนส่วนใหญ่อยู่ในความควบคุมของพวกลิงแล้ว หายไปไม่ใช่ปัญหาแต่จริง ๆ พวกวานรเหล่านี้สื่อสารได้กับท่านฤาษีโกณฑัญญะที่มีญาณล่วงรู้เหตุการณ์ และท่านส่งกระแสจิตมาบอกพวกลิงให้ไปขโมยของ และนำตัวมนุษย์มาช่วยรักษา ดารินช่วยได้ และเป็นมิตรที่ดีต่อกัน รวมถึงการช่วยพวกมนุษย์วานรปราบเจ้าสัตว์ยักษ์ที่เป็นศัตรูของพวกมนุษย์วานรด้วย ในการปราบสัตว์ยักษ์ด้วยการวางแผนอย่างดี แต่พอดีดารินเป็นตัวแทรกวิ่งตามรพินทร์ จนแงซายแยกตัวไปก่อนทำให้เกิดปัญหาในการสังหารสัตว์แม้ว่าจะสังหารได้ ระหว่างการโจมตีของสัตว์ร้าย ทุกคนเห็นว่าซซซโดนหินกลิ้งลงมาทับ และคิดว่าตายแน่ ทุกคนเสียน้ำตาให้แงซาย และคิดกันว่าวันรุ่งขึ้นจะมางัดศพแงซาย แต่มารู้ที่หลังว่าท่านฤาษีมาบอกทางรอดให้ และโชคดีดินนิ่มสามารถรับน้ำหนักและมีช่องรอดตัวออกมาได้ แต่ตัวรพินทร์เอง ไม่รู้ตัวว่าตอนที่ล้มลงฟาดต้นไม้ โดนแมงมุมดำกัด ซึ่งตอนนแรกยังไม่ออกฤทธิ์ ตัวรพินทน์เองเสียใจเรื่องแงซายอยู่ด้วยเลยเงียบไป แต่ว่าไปล้มหมดสติต่อหน้าลูกน้อง ดารินมาตรวจอาการเห็นว่าคล้ายอาการป่วยมาลาเรียเดิม แต่มีโรคแทรกซ้อน แต่ไม่รู้ว่าเป็นอะไร ระบบการทำงานของร่างกายเริ่มไม่ทำงาน ตัวเริ่มม่วงคล้ำ ดีที่แงซายปรากฏตัว พร้อมด้วยแมงมุมดำทำกระษัยยา ทำให้ส่างปาสามารถช่วยชีวิตรพินทร์ได้ทัน นอกจากนั้นซซซยังเก็บสร้อยเครื่องรางของรพินทน์ที่หลุดระหว่างการล่าสังหารเจ้าสัตว์สามเขา ส่งให้ดาริน และดารินนำไปผูกคืนให้รพินทน์ หว่างที่หมดสติอยู่ด้วยให้พระคุ้มครอง ระหว่างที่ทุกคนหลับกันหมด แงซายเข้าไปดูส่างปาที่ช่วยถอนพิษให้รพินทร์ และคุยว่าเสร็จงานแล้วจะทำอะไร เป็นไปไม่ได้ที่คนป่าอย่างส่างปาจะไปอยู่กับคนเมืองอย่างมาเรีย และชวนว่าให้อยู่กับเขาไม่ว่าเขาจะอยู่ ที่ไหน ให้ส่างปาอยู่ด้วย ส่างปาบอกว่าต้องถามนายแหม่มก่อน และแงซายบอกส่างปาว่าเขาจะต้องทำให้ความตั้งใจของเราสำเร็จโดยไม่บอกว่าตั้งปฏิธานอะไรไว้ ส่างปาเองก็อดถามไม่ได้ว่าถ้าเสร็จธุระทุกคนเดินทางกลับแงซายจะกลับกับคณะหรือไม่ แงซายตอบว่าจะไม่กลับออกไปอีก อ้างว่าพระธุดงค์มาบอก เหลือจากนี้ ที่เมืองวานร ชาวคณะรับทราบว่าชด ประชากรป่วยหนักมาพักฟื้นอยู่ที่นี่ จนหายดีแล้วเดินทางต่อ ระหว่างที่อยู่ที่เมืองวานร แงซายพารพินทร์ไปกราบร่างฤาษี ที่ล่วงรู้เหตุการณ์ได้ แต่ท่านบอกว่าบางเรื่องเป็นกรรมของแต่ละคนที่ท่านไม่สามารถฝืนบอกได้ ทุกอย่างต้องเป็นไป ได้แต่อวยพรให้ทุกคนโชคดี และขอร้องให้ทุกคนละทิ้งความละโมบ แล้วจะปลอดภัย ให้ใช้สติ แก้ปัญหา รู้ว่าแงซายมีชาติกำเนิดที่ผิดจากคนอื่น ทุกคนเข้าใจ และก่อนออกเดินทางได้ไปกราบลา ฤาษีท่านนี้ในเวลาต่อมาดารินมักจะกราบระลึกถึงอยู่เสมอ แม้แต่เชษฐาเองก็เช่นกัน
ตอนที่รพินทร์ยังนอนพักฟื้นอย่างปลอดภัยในเมืองวานร บุญคำย่องไปหารพินทร์ที่ตื่นมาแล้วมาเล่าให้ฟังว่าพวกนาย ๆ ไปกราบฤาษีกัน ทิ้งให้มาเรียดูแลรพินทร์ ไชยันต์ฟอร์มเป็นปวดท้องไม่ไปด้วย แล้วไปแต่งงานกันในน้ำสองคน รอบนี้ไม่มีบู๊ สามัคคีกันดี แต่ที่ตื่นเต้นคือเจ้านีลาแอบไปเห็นด้วยแถมยังขโมยเสื้อผ้าของสองคนไปห้อยบนต้นไม้สูง ไชยันต์เห็นเข้าโกรธจะหาเรื่องยิงนีลาให้ได้ นี่ก็ยังโกรธกันอยู่555 วันที่คณะเดินทาง ตาคำถือโอกาสเตะตัดขานีลา จนนีลาแทบจะยกก้อนหินทุ่มหัวบุญคำ ดีแต่รพินทร์ห้ามไว้ รพินทร์มีน้ำตาลปอนด์มอบให้พวกลิง ดีใจกันใหญ่ ส่วนไชยันต์ยังโกรธนีลาไม่หายดีรอออกจากเมืองวานร เดินทางไปทิวปีกครุฑ ทางเดินแม้จะดูง่ายแต่มาเรียเตือนว่าให้ระวังภาพลวงตาว่าแล้วก็เจอพายุลูกเห็บ พอดีพวกพรานหารอยคนหายไปเจอโพรงหมาป่า รพินทร์ไปสำรวจก็เห็นว่าหลบภัยได้ และสามารถอธิบายให้เชษฐาทราบได้ว่าในพื้นที่ที่มังมหานรธาเรียกว่าทุ่งลมกรดนี้ ปัญหาอย่างนี้น่าจะเกิดเรื่อย ๆ ทำให้สัตว์ที่หากินถึงได้ทำโพรงเพื่อความมีชีวิตรอดของพวกมัน และมันคือโพรงที่พวกเขามาอาศัยกันนี่เอง กันหนาวบุญคำมีว่านที่กินแล้วร้อน คนท้องกินแล้งร้อนถึงแท้ง ซึ่งมาเรียเคยไปขอเพื่อทำแท้งตัวเองด้วย แต่รพินทร์มาขอไว้ มาเรียเลยยกเลิกความตั้งใจ เพื่อหาหัวแร้ง หาเนินพระจันทร์ ถันพระอุมา ปลายทางถถนนเข้ามรกตนคร
คณะเชษฐาก็เหมือนกัน รักษาวายาหายแล้ว ก็เดินทางต่อโดยวายาจัดให้พวกลิงช่วยหาบสัมภาระให้ทุ่นแรงชาวคณะ ไปได้ระยะหนึ่ง เมย์เริ่มมีอาการเหนื่อยและเพลีย นอกจากนั้นไชยันต์ที่คอยสังเกตยังเห็นว่าเมย์มีอาการอาเจียนด้วย พอเข้าที่พักวันหนึ่งทุกคนเห็นดารินดูและเมย์ให้กินยานอน เชษฐาได้แต่ถามว่ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า ดารินก็ว่ามีไข้นิดหน่อย ให้นอนพักสักหน่อยน่าจะดีขึ้น คืนนั้นระหว่างที่ดารินลุกขึ้นตามปกติเพื่อตรวจเมย์คนป่วย หลังจากที่ให้ยากินเรียบร้อยแล้วไชยันต์มากระซิบขอคุยส่วนตัวให้ห่างจากเชษฐากับรพินทร์ ดารินก็ไม่เข้าใจว่าไชยันต์จะมาไม้ไหน ไป ๆ มา ๆ ถามอาการเมย์ว่าใช่อาการท้องหรือเปล่า พร้อมกับสารภาพทุกอย่าง และขอให้ฉีดยาอะไรก็ได้ให้เด็กแท้งค์ไปเพราะไม่งั้นจะเป็นปัญหากับการเดินทาง ดารินไม่เห็นด้วยแต่จะดูให้ว่าเป็นอะไรแน่ ตอนนี้ยังไม่รู้ ตรวจสอบไม่ได้ แต่จะซักประวัติให้ ส่วนเชษฐา ดูอาการแล้วค่อนข้างมั่นใจว่าเมย์ท้องให้น้องสาวดูแลเมย์อย่างดี ดารินเปลี่ยนวิธีการให้ยาใหม่ เมย์พอได้ยาไม่มีอาการเป็นคนป่วยเลย ไชยันต์ไปถามว่าให้ยาอะไร ดารินตอบว่าทั้งยาแก้แพ้ และยาบำรุง ไชยันต์เลยท้วงว่าไหนบอกว่าจะช่วย นี่ไม่เรียกว่าช่วยกัน แต่ดารินบอกว่าถ้าไม่อยากได้เด็กตัวเองจะเลี้ยงไว้เอง ขณะเดียวกัน ดารินก็ไปแอบคุยกับรพินทร์ ว่ามีคนสารภาพมาคนนึงแล้วมีอะไรกับเมย์ แต่ยังมีบางคนไม่สารภาพ รพินทร์ยิ่งเสียววาบ แต่บอกว่า เขาไม่มีอะไรกับเมย์ เขาต้องการให้เด็กเกิดมา เขารับเป็นพ่อได้ไม่มีปัญหาอะไร ขอให้ดารินดูแลเมย์ให้ดี ดารินยิ่งซึ้งน้ำใจรพินทร์มากขึ้น เมื่อได้โอกาสดารินไปซักประวัติเรื่องการคุมกำเนิดกับเมย์ทำให้ทราบว่าเมย์ไม่ได้ป้องกันเรื่องนี้ไว้เลย ตอนแรกเมย์ไม่เฉลียวใจด้วยว่าเธอจะท้อง แต่ตอนนี้เธอเห็นตามที่ดารินบอกแล้วว่าเธอท้อง เพียงอย่างเดียวที่เมย์ไม่ยอมรับคือการที่เธอเคยมีสัมพันธ์กับรพินทร์ แม้ว่าดารินจะโกหกว่ารพินทร์สารภาพแล้วว่าเคยมีอะไรกับเมย์ แต่เมย์บอกว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะเธอไม่เคยมีอะไรกับรพินทร์เลย และอยากเอาเด็กออก รพินทร์เท่านั้นที่สามารถเปลี่ยนใจเมย์ได้ในที่สุด ด้วยสารพัดเหตุผลที่เขายกมาอ้าง ระหว่างการเดินทางในหลุมอุกาบาต แงซายให้เหตุผลว่าตามแผนที่ลายแทง อ้างถึงเจอหลุม 1 จึงจะเจอหลุม 2 หรือเจอเป้าหมายถัดไปถ้าพยายามจะตัดทางอาจทำให้หลงทางไปเลย ไม่เห็นด้วยที่จะเดินตัดทาง บางช่วงรพินทร์แยกเดินไปตรวจสอบเส้นทางคนเดียวเพราะเขาคล่องตัวกว่าคนอื่น ๆ และส่วนใหญ่ถึงจะหายไปข้างหน้า แต่ก็บางทีวนมาสมทบด้านหลัง ดังนั้นการหายไปแต่ละครั้งจึงไม่มีใคร่ใส่ใจเท่าไร นอกจากดาริน เพราะคิดเสมอว่ามีรพินทร์จะมั่นใจได้แน่นอน แต่ว่ารอบนี้ปรากฎว่ารพินทร์หายไปทั้งวันทั้งคืนไม่กลับมาจนเชษฐาขอไปกับแงซายออกตาม อย่างน้อยเพราะบุญคำเองที่ไม่เคยพูดถึงการหายตัวไปของพรานใหญ่รอบนี้ยังรู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ พอออกตามไปได้พักใหญ่ ๆ ส่วนที่เหลือได้ยินเสียงปืนดังมา แต่ปรากฏว่าคนที่ปรากฏตัวให้เห็นกลายเป็นรพินทร์คนเดียว มาถึงก็โผเผขอนอนทันที ทุกคนตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พรานใหญ่บอกว่าเหนื่อยมากขอนอนสักครู่ ดารินโกรธได้แต่บอกว่าทำไมไม่เห็นพี่ชายกับแงซายที่ออกไปตามหาที่เขาหายไปนาน รพินทร์ตกใจเล่าให้ทุกคนฟังว่า บริเวณที่เขาไปสำรวจประมาณ 5 กิโลจากที่เขาแยกไปเขาพบจุดที่ระบุในลายแทงแล้ว แต่มีกลิ่นดอกไม้อะไรบางอย่างที่มีพิษทำให้ผู้สูดดมหมดสติ พอดีลมเปลี่ยนทิศเขาอยู่ใต้ลม หลบไม่ทัน หมดสติหัวฟาดก้อนหิน สลบไปคืนนึง พอฟื้นมาได้ก็รีบกลับมา ดังนั้นคนที่ออกตามอาจประสบปัญหาเหมือนเขา ทุกคนจึงออกตาม แต่ผิดคาด เชษฐากับแงซายตามไปเห็นรอยรพินทร์ แล้วแต่เดินไปรอข้างหน้าโดยไม่กลับไปบอกคนอื่นที่อยู่ทีหลัง เพราะแงซายให้ข้อมูลกับเชษฐาว่ารพินทร์ต้องกลับที่พัก และให้ทุกคนตามมา ทำให้เชษฐาสั่งให้แงซาย รออยู่ปลายทาง จนทุกคนเดินทางไปเจอกันข้างหน้า เป็นอีกครั้งที่รพินทร์หงุดหงิดใจในการตัดสินใจและให้ข้อมูลของแงซายต่อคณะนายจ้าง อีกอย่างบุญคำมาบอกว่ารพินทน์คิดผิดที่ให้แผนที่ลายแทงไปอยู่ในมือแงซายเพราะรู้ก็รู้ว่าแงซายยอมเป็นลูกหาบเพื่ออะไร ยิ่งทำให้รพินทน์รู้สึกใจหายว่าเสียรู้แงซายเข้าจริง ๆ อีกทั้งชีวิตเชษฐาอีกคนที่ตกอยู่ในเงื้อมมือของคนที่เขาคิดว่าหักหลังเขา แต่สุดท้ายเรื่องก็อย่างว่าแงซายเอาตัวรอดไปอีกครั้งโดยอาศัยเหตุผลว่าทำตามเชษฐาสั่ง
ป่าโลกล้านปี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น