B10 ทุกคนเห็นอาการและจากการตรวจทางการแพทย์ของดาริน ทางการแพทย์ระบุว่าไชยยันต์เสียชีวิตแล้ว แต่ส่างปาสะกิดบอกรพินทร์ว่า ปู่บอกพ่อ พ่อบอกส่างปาว่ามีทางแก้ แต่ทุกคนเห็นว่าสายเกินไป เพราะตายแล้ว ส่างปายืนยันว่าไม่ลองนายปืนโตตายแล้วตายเลย แต่ลองตายก็ฟื้นได้ แม้จะเป็นความหวังหนึ่งในล้าน ก็ลอง ปัญหาคือตอนนี้ต้องไปเก็บพริก ยังไม่ทันออกไปเจ้ากองกอยก็ปรากฏร่างและเข้ามาดูดพิษตะขาบที่แผล จากผิวกายเข้าสีม่วง ตอนนี้ดีขึ้นทันตาเห็นเป็นขาวซีดขึ้นมา นอกจากนั้นกองกอยยังพาไปต้นพริกอีกต้นด้วย รพินทร์ให้ตาคำกับส่างปาฟันกิ่งลงมา ยังไม่ทันไร กองกอยก็ตื่นตัว ส่งสัญญาณอะไรออกมา พร้อมกับเสียงปืนที่ปางพัก รพินทร์ละล้าละลัง รีบเก็บพริก หาทางกลับที่พัก รอบนี้หลงทางอีก ต้องหาทางกลับ แถมยังโดนค้างคาวยักษ์โจมตีอีก แต่ก็กลับถึงที่พักได้ และทราบว่าที่ปางพักก็โดนค้างคาวโจมตีดูเหมือนจะมาโฉบเอาซากตะขาบไป พอยิ่งสู้ก็หนีไป เลยโจมตีกลุ่มรพินทร์ต่อ อย่างไรก็ดี ส่างปาตำพริก ผสมเนื้อตะขาบพอกแผลได้สี่รอบ ก็อาการดีขึ้นเรื่อย ๆ จนหายเป็นปลิดทิ้ง จากอาการเย็นที่แผล จนถึงร้อนจี๋เหมือนเอาน้ำร้อนมาลวกแผล
ในที่สุดไชยยันต์ก็รู้สึกตัวด้วยความพยายามหนึ่งในล้าน หรือตายแล้วก็ฟื้นตามที่ขี้ลิงส่างปาบอก ทุกคนดีใจกันมาก
การเดินทางในนรกดำยังดำเนินต่อไป คืนนี้ฝันกันใหญ่ มาเรียฝันว่า ดร.ฮอฟมันมาโบกมือให้ถอยหลัง ดารินฝันเห็นนางตะเคียนมาบอกว่าอยู่ในอันตราย ฝันว่าเห็นเขาหลงเข้าไปเมืองโบราณ เห็นโลงแก้วบรรจุผู้หญิงสวย เชษฐากับรพินทร์ มองตากันแน่ใจว่าตอนที่แงซายพึมพำออกมา ไม่รู้เรื่อง แต่ทำไมเล่าความฝันออกมาตรงกับที่แงซายพูดเลย เช้ามาเห็นรอยเท้าแงซายอีก และเห็นรอยเท้าสัตว์ร้ายน่าจะเป็นเสือ ขนาดรองเท้าใหญ่มาก มันคือรอยเท้าของเสือโคร่งดำ รพินทร์ยืนยันอีกครั้งว่าตอนนี้อยู่ในนรกดำแล้ว เพราะเป็นที่ทราบกันว่ามีเสือโคร่งดำอยู่ในนรกดำ และบอกว่าตอนนี้พวกเขาเข้ามาผิดทาง ตั้งแต่ตอนหนีตะขาบยักษ์ และจุดที่ยืนอยู่ก็คือสักดำ ซึ่งเป็นไม้ประหลาดที่มีอยู่ในนรกดำนี้ด้วย หาน้ำกินไม่ได้ บอกว่าจะกรีดเลือดให้ดารินกินแทนน้ำดารินเลยคว้ามีดจะเฉือนกระเดือกกินซะเลย ทุกคนหัวเราะหายเครียดทันที รพินทร์เริ่มสังเกตเหตุเห็นตาเขียวของมาเรียที่แสดงความพอใจแล้ว ระหว่างทางที่ไม่มีน้ำ เห็นละมั่งนอนตายมีรอยเขี้ยวสัตว์ ในตัวละมั่งไม่มีเลือดเหลือเลย คณะเห็นเหมือนกันว่าต้องเป็นฝีมือค้างคาวยักษ์ รพินทร์ที่ชอบเดินล่วงหน้านำไป รอบนี้คนข้างหลังได้ยินเสียงปืนสองนัด ตามไปเจอแต่ปืนแต่รพินทร์หายไป ตามไปเจอปืนอีกกระบอก และรพินทร์นอนแหงอยู่ที่พื้นราบ และมาทราบทีหลังว่าตามทันแงซายแล้ว แต่โดนทุ่มหัวฟาดก้อนหินหมดสติไป มาเรียช่วยนวดรพินทร์ให้อย่างสนิทสนม ในขณะที่คืนนั้นรพินทร์ได้ยานอนหลับเพื่อให้พักผ่อนได้มากขึ้นของดาริน หลับอยู่ระหว่างมาเรียกับดาริน คืนนั้นดารินเล่าให้ฟังว่า ไม่อยากให้มีอาการมาลาเรียแทรกซ้อนขึ้นมา มาเรียนึกได้เลยบอกว่าเคยไปนั่งห้างกับรพินทร์แล้วเขามีอาการสั่น แล้วกอดเขาเป็นผ้าห่ม ทำให้ดารินรู้สึกวูบวาบบอกไม่ถูก มาเรียดูเหมือนจะอารมณ์ค้างซะแล้ว เลยเบียดตัวไปยั่วต่อ จนทนไม่ไหว คืนนั้นมาเรียจัดการให้สบายตัวไป ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะไม่คิดว่าจะเกิด เช้ามืดทุกคนถูกปลุกด้วยเสียงกองทัพกองกอยที่มาเตือนว่าค้างคาวผีมาอีกแล้ว ยิงกันไปตั้งนึง ออกเดินทางต่อ โดยไม่มีน้ำ วันนี้มาเรียหมดสติเพราะเป็นคนเมืองหนาวมาเจออากาศร้อนไม่มีน้ำ รพินทร์เลยแบ่งให้พรานสามคนไปหาน้ำ ได้น้ำมาจริงแต่เป็นน้ำที่แงซายเตรียมให้ ทุกคนได้น้ำ ปฐมพยาบาลมาเรียฟื้นแล้วเดินทางต่อ ตอนนี้ดารินสังเกตเห็นว่าผีดิบมันตรัยมาแอบดู ชาวคณะพบรอย การตามหาแหล่งน้ำดำเนินต่อไปจนพบ คะหยิ่นกำลังจะล้างหน้าเป็นคนแรกร้องจ้ากเพราะน้ำใสมากจนเห็นว่ามีศพนอนอยู่ในน้ำนั้น ไม่ได้ใช้น้ำนั้น ออกเดินทางต่อ พอดีรพินทร์สังเกตเห็นว่าปืนคะหยิ่นหายไป เลยเดินกลับไปเอาปืนคืน สุดท้ายวิ่งป่าราบกลับมารายงานว่าซากศพหายไปแล้ว มีดารินคนเดียวเท่านั้นที่รู้แต่ไม่กล้าพูดอะไรเพราะคิดว่าไม่มีใครเชื่อเพราะใบหน้าที่เห็นแอบดูกับหน้าซากศพ และที่เพิ่งเห็นเมื่อสักครู่เป็นใบหน้าเดียวกัน ซากศพหายไป เสือโคร่งใหญ่ก็โผล่ออกมาป่วนชาวคณะ คราวนี้เป็นการเดินผ่านเถาวัลย์กินคน แต่รพินทร์ทดสอบจนรู้ว่าเถาวัลย์กินคนกลัวไฟ เลยจุดไต้เดินผ่านมาได้ทุกคน แต่เจอโครงกระดูกสองคนที่พิสูจน์โดยมาเรียได้ว่าเป็นคนยุโรปรวมอยู่ด้วยนอกจากนั้นเจอบันทึกภาษาดานิชที่มาเรียอ่านให้ทุกคนฟัง เหตุการณ์ที่บันทึกไว้ 42 ปีที่แล้ว พวกนักท่องป่า 6 คนเจอภัยร้ายเช่นเดียวกับที่เชษฐาเจอไม่ว่าจะกองกอย ตะขาบ เสือโคร่งยักษ์ เถาวัลย์กินคน การขาดน้ำแม้แต่การเจอเจ้าผีดิบเหมือนที่พวกเขาเจอวันนี้ จะเผาทำลายมัวแต่หาฟืนร่างก็หายไปแล้ว เดินทางต่อไปที่นี้รพินทร์ไปเจอหินรูปร่างประหลาดเหมือนเสือโคร่งดำ มาเรียทำเครื่องหมายด้วยยาทาเล็บที่ได้จากดาริน และนี่เองทำให้เชื่อในเวลาต่อมาว่าเจ้าหินนี่เคลื่อนที่ได้ด้วย คืนต่อมาเชษฐาปลุกรพินทร์เพราะได้ยินเสียงมโหรี ในขณะที่คุยกันอยู่มีดารินนอนอยู่คนเดียวจนต้องสะกิดปลุก ถึงได้รู้ว่าดารินก็ฝันเหมือนกัน ฝันเห็นขบวนแห่องค์หญิงที่มีรัดเกล้าอย่างเดียวกับที่ฝันเห็น นอกจากนั้นยังรู้ว่าองค์หญิงคนนี้ถูกควบคุมด้วยเวทย์มนต์ ในขณะที่เธอมีรักอยู่กับขุนศึก และที่ทุกคนตกใจคือปุโรหิตที่อยู่ในขบวนแห่ หน้าตาเหมือนกันเจ้าผีดิบ หรือนักบวชที่เห็นศพแช่น้ำตาย ระหว่างนั้นมาเรียยิงปืนออกไปหลายนัดเพราะเห็นเจ้าผีดิบอีก สักครู่ก็เป็นกลิ่นสาปเสือ ฉายไฟไปรพินทร์เห็นแต่ก้อนหินประหลาด แต่ไม่ได้คิดอะไรสักครู่ก็ได้ยินเสียงโดดผ่านน้ำ ทั้งหมดบุญคำสะกิดบอกรพินทร์ว่าทั้งเสือและผีดิบคือเจตภูต สามารถเปลี่ยนวิญญาณกันได้ รพินทร์ไม่เชื่อไปดูที่เขาที่เคยหินเสือหิน เสือหายไป และขณะเดียวกันเขาเคยวัดขนาดรอยเท้าเสือหิน กับรอยเท้าเสือที่เจอบริเวณที่พัก และบอกเชษฐาว่ามันขนาดเดียวกัน เพราะฉะนั้นเจ้าเสือนี่เคลื่อนย้ายได้แน่นอน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น