วันศุกร์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

เพชรพระอุมา 15

เช้าแล้ว ทุกคนไม่ห่วงอาหารเช้า แต่ออกปฎิบัติการวางระเบิดกัน โดยใช้สัญญาณธงแดง กับธงขาวเป็นระยะ ๆ จักราชให้สุกรีกับกองกำลังอยู่ช่วยคณะนายจ้าง จุดยิงมีเชษฐา ดาริน บุญคำ จุดสองมีไชยันต์ มาเรีย และเส่ย จุดสามมีอนุชา หนานอิน เกิด การวางระเบิดรพินทร์กับลูกหาบอีกส่วนจะวางจุดและให้ฝ่ายยิงมองดูจุดยิงถ้าชัดก็โบกธงแดง ถ้าไม่ได้ก็ธงขาว ทำกันแบบนี้จนเรียบร้อย รพินทร์ให้สุกรีพาไปดูทุ่งทานตะวันที่มีการทำศึก จากกล้องส่องทางไกลที่เชษฐาสอนให้สุกรีใช้งาน ทำให้สุกรีบอกว่าตอนนี้ฝ่ายจักราชกำลังเสียเปรียบอย่างมาก เพราะอาวุธที่ใช้ต่างกันมาก เชษฐาจึงตัดสินใจให้อนุชายิงปืนส่งสัญญาณว่าการวางระเบิดเรียบร้อยแล้ว ให้จักราชทำทีเป็นแพ้สงคราม และถอยเข้าหุบเขา ทุกอย่างเป็นไปตามที่ตกลงกัน ส่วนรพินทร์ เมื่อไม่มีหน้าที่เป็นคนยิงระเบิด ดารินก็บอกว่าอย่ามัวแต่แอ๊ค ให้ระวังธนูปลิวมาเสียบอกเข้า ทุกคนเข้าประจำที่ในขณะที่รพินทร์ขอให้สุกรีพาไปจุดที่ตกลงกันว่าจักราชจะลอบเข้ามา จุดนี้เองทำให้รพินทร์สามารถใช้อาวุธปืนที่มีฤทธิ์สังหารได้ดี ช่วยชีวิตจักราชไว้ได้ ในที่สุด แต่กุตะมะก็โดนหักเสียบอาการปางตายแล้ว จักราชเสียใจที่รพินทร์ใช้อาวุธปืน รพินทร์ตะโกนบอกว่านี่เป็นเหตุจำเป็นก็เลยต้องใช้ เป็นครั้งแรกที่จักราชประกาศให้ทุกคนหนี และพากันไปจุดซุ่มยิง
ตอนที่ทหารจักราชควบม้าเข้าหุบจนผ่านปลายทางเข้าสู่ทุ่งหญ้า เชษฐากับดารินก็ช่วยกันยิง โดยที่ยัแงซายว่ายิงยังไง แต่ก็ยิงไปที่ผ้าแดง นัดที่หนึ่ง...เงียบ นัดสอง....เงียบ ดารินต้องขอให้ท่านโกณฑัญญะช่วย นัดที่สามถึงระเบิดสนั่น การตีธงบอกต่อไป ถึงจุดที่สามคือจุดต้นทางเพื่อปิดล้อมไว้ทั้งหมด ทั้งสามนักแม่นปืนยิงพร้อมกัน ไม่รู้ใครยิงก่อน ยิงหลังทันทีที่เห็นสัญญาณ ส่วนทางมาเรีย บอกว่าปลอ่ยเธอคนเดียว ไชยันต์กับเส่ยไม่ต้องยิงเลย การยิงระเบิดสามจุดผ่านไป โดยจักราชมายับยั้งไม่ทัน ทันทีที่จักราชเห็นเชษฐาก็ขอร้องอย่างไม่เคยเห็นมาก่อนว่าขอให้ระงับการระเบิดหิน เชษฐาตกลงตามนั้น เท่าที่เห็นกองทหารสามในสี่อยู่ในกลุ่มหินที่ระเบิดลงมา ฝ่ายจักราชยิงธนูติดข้อความให้ยอมจำนง ทหารส่วนใหญ่ในที่ล้อม ยกธงขาว ยอมรับการปลดอาวุธ ดารินจะยิงรหัสยะที่อยู่ในวงล้อมด้วย แต่รพินทร์ไวกว่าปัดปืนให้พ้นเป้า ดารินโกรธมาก แต่รพินทร์บอกว่าทำให้มรกตนครมากกว่าที่สัญญาไว้ และให้ชาวมรกตนครจัดการส่วนที่เหลือกันเอง เมยานีวิ่งมาบอกดารินว่ากุตะมะอาการสาหัสมาก ดารินเห็นบาดแผลแล้วไม่เร่งรพินทร์ให้ไปเอาหีบเวชภัณฑ์เหมือนเดิม กุตะมะบอกว่าเขารอวันนี้มานานแล้ว หลังจากที่ได้ช่วยเกษราเทวีและองค์มกุฎราชกุมาร ยอมทรยศต่อเพื่อน ขอให้จักราชยกโทษให้เขาด้วย ขอบคุณดารินที่ช่วยชีวิตเขาไว้ได้ครั้งหนึ่ง จักราชขอบคุณกุตะมะ  ยกย่องว่าถ้าไม่ได้กุตะมะ เขาไม่สามารถทำการสำเร็จได้เลย กุตะมะขาดใจตายในเวลาต่อมา เชษฐาให้เวลาจักราชหนึ่งชั่วโมง และเคลื่อนพลเตรียมเข้าเมือง เชษฐากับอนุชาเป็นคนง้างสาย ตอนทดลอง ดารินเป็นคนส่องกล้องดู ลูกแรกห่างเป้าหมายไป 30 เมตร แต่ปรับทิศไม่ได้เพราะดารินไม่เข้าใจ ไชยันต์เลยกระโดดเข้าไปบอกทิศ ลูกสองที่ยิงไปแรงไปอีกหน่อย ลูกสามเป็นธนูระเบิดจริง ไม่มีการนัด มีแต่คำว่ายิงหลังจากที่รพินทร์ที่ก็สั่นเหมือนกันจุดชนวน ทุกคนตื่นเต้นหมด เพราะเป็นการยิงผ่านกองกำลังของจักราช จักราชเองก็จับตัวเมยานีไว้แน่น เตือนว่าอย่าตกใจเสียงฟ้าร้องให้บังคับม้าให้ดี
ธนูระเบิดผิดเป้าตามเคยไปตกเลยประตูไปอีก รพินทร์เตือนว่าอย่ารอ เตรียมยิงลูกสอง ปรากฎว่าลูกสองเข้าเป้าประตูเมืองถล่ม ควันยังไม่ทันหายตลบ ดารินตะโกนบอกแงซายบุกเข้าไปเลย จักราชไม่ได้ยิน แต่ด้วยหน้าที่นำทัพเข้าตีเมืองได้สำเร็จ รพินทร์หน้าเครียดแบกปืนตามเข้าเมือง พวกเชษฐาสังเกตเห็นก็ตามเข้าไปด้วย ปล่อยพวกลูกหาบเฝ้าจุดยิงระเบิด ทั้ง ๆ บุญคำ กับลูกหาบอื่น ๆอยากเข้าไปช่วยในเหตุการณ์ด้วย รพินทร์สามารถช่วยสถานการณ์ได้อีกครั้งเมื่อพวกสิงหราลอบยิงธนูเข้าใส่จักราช ปืนเป็นอาวุธร้ายแรงที่พวกเชษฐาใช้ขู่ และพวกทหารของสิงหรา เกรงกลัวต่ออานุภาพของอาวุธร้ายนี้ จักราชยืนม้า กับสิงหรา และรหัสยะที่อยู่ในชุดทหารไพร่ เพื่อปลอมตัวหลบหนี ทำให้อรชุนดูถูกต่อหน้าทหารทั้งหมด จักราชประกาศความเป็นมกุฎราชกุมารที่มาทวงบังลังก์ต่อหน้าทหารและชาวมรกตนคร และลงจากม้า ท้าทายสองพี่น้อง โดยตนเองมีอาวุธเพียงดาบเล่มเดียว สองพี่น้องคิดว่าสามารถเอาชนะได้เพราะพวกเขาอยู่บนหลังม้าโอกาสได้ชัยมีมากว่า แต่เมยานีและพวกของอรชุนเคยเห็นฝีมือดาบสองมือของจักราชมาก่อนแล้ว เมยานีเขวี้ยงดาบของเธอไปปักหน้าจักราช แล้วดาบสองมือที่หมุนเป็นจักรคลุมพื้นที่ได้ทั้งหมดก็สังหารสองพี่น้อง แขน ขา ขาดเหลือแต่ตัวเหมือนที่เคยทำโทษเชลยฝ่ายอรชุนมาแล้ว ทุกคนไชโยโห่ร้องกับความสำเร็จของจักราช และ
อัญเชิญขึ้นครองบังลังก์  
หน้าบังลังก์ จักราชให้เกียรติรพินทร์มาก ขอให้ไปยืนเคียงข้างเขา รพินทร์ไม่ยอมไป เมยานีมาคาระวะอย่างนอบน้อมเชิญ จนดารินเห็นไม่ได้เรื่องกระโดดมาเอาปืนจี้พุงรพินทร์ให้ไปยืนข้างจักราช โดยการตัดสินโทษของฝ่ายปกครองเดิมจักราชหารือกับคณะนายจ้าง เป็นให้สอบสวน และอยู่ในความควบคุมไม่สังหารทิ้ง ส่วนญาติของสองพี่น้อง ให้ควบคุมตามฐานะ ทุกคนดีใจที่ไม่ถูกกษัตริย์ใหม่ฆ่าตาย
ดารินได้รับเกียรติอย่างสูงจากองค์กษัตริย์ จนรพินทร์เรียกดารินว่าพระพี่นาง  (เพราะดารินเรียกแงซายว่าน้องชาย) ส่วนเมยานีเรียกดารินว่าพระแม่เจ้า บางทีก็เรียกพระพี่ดาริน ได้ห้องพักใหญ่ มีนางสนมรับใช้มากมาย พวกผู้ชายก็เหมือนกันรวมรพินทร์ด้วย แต่รพินทร์ไม่สนใจ อาบน้ำยังไม่อาบเลย นอนทั้งบู้ตและกอดปืน แต่ก่อนหลับได้ยินเสียงผ้าส่ายมา ได้ยินเสียงแงซายพูดว่า ผู้กองสกปรกมาก จะไปฟ้องนายหญิง รพินทร์ทำเสียงเบื่อบอกว่าเหนื่อยมากจะนอน แงซายบอกว่าผู้หญิงที่เขาจัดเตรียมให้ไม่สวยเหรอ รพินทร์บอกว่าที่สวยไม่ส่งมา รพินทร์เลยบอกว่าน่าจะส่งเมยานีมาให้จะได้สั่งให้กระซวกไส้จักราช คืนนั้นแงซายขอนอนห่มผ้าผืนเดียวกับผู้กองและหลับไปด้วยกัน

ในพิธีศพของกุตะมะ มีการอาบน้ำศพ และแห่เข้าสุสานหลวงเพื่อเป็นเกียรติ โดยคณะนายจ้างทุกคนได้รับเกียรติเข้าร่วมพิธีด้วย ที่สุสานที่เปิดไม่ออกจักราชต้องเสี่ยงสัตย์อธิษฐาน ด้วยบุญญาบารมีเพื่อเปิดทางเข้าสุสานได้สำเร็จ ที่นั่นเองที่ทุกคนได้เห็นขุมเพชรพระอุมา ที่เป็นที่กล่าวขวัญกัน ทุกคนตื่นตะลึงแต่ไม่มีใครคิดจะนำของมีค่าเหล่านั้นออกจากจากที่ เสร็จพิธีจะเดินทางกลับ จักราชขอให้แหวนเพชรกับดารินและมาเรียที่เป็นผู้หญิงสองคนของคณะ จักราชลูบท้องมาเรียให้พรให้เกิดมามีสุขภาพดี และให้เป็นเจ้าของแหวนที่เขาให้มาเรีย ไชยันต์ดีใจมากกล่าวขอบคุณจักราช  สำหรับพรานใหญ่ จักราช ให้ตราประจำพระองค์ซึ่งเป็นรูปสุริยเทพ เพื่อเป็นการตอบแทนน้ำใจ ส่วนคนอื่น ๆ จักราชบอกว่าไม่รู้จะให้อะไร เพราะทุกคนไม่ต้องการของมีค่าใด ๆ ได้แต่กล่าวขอบคุณ งานเลี้ยงบางคืน มีแต่แงซายเท่านั้นที่มาร่วมกับชาวคณะนายจ้างแถมแต่งเป็นแงซายและพูดคุยกับพวกลูกหาบอย่างเดิม แต่พวกลูกหาบเองพูดไม่ค่อยจะถูก หลายเหตุผลด้วยกัน เรื่องส่างปา จักราชขอส่างปาอยู่ด้วยโดยให้ตำแหน่งเป็นหมอหลวง ทุกคนเห็นด้วย เพื่อให้ส่างปาไม่ต้องมีชีวิตที่ลำบากอีก วันเดินทางกลับทุกคนมีความสุขมาก ดารินให้เมยานีรีบแต่งงานและมีลูกกับจักราชเร็ว ๆ และให้รักษาสุขภาพ
เวลาผ่านไปดารินเขียนจดหมายถึงรพินทร์ ที่มีแต่ข้อความพรรณนาถึงความรักที่เธอมีต่อรพินทร์ ลงท้ายด้วยคำว่ารัก......


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น