วันศุกร์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

เพชรพระอุมา 3

การหลงทางยังดำเนินต่อไป คราวนี้รพินทร์นำทางหลงหนักไปกว่าเดิม จนดารินท้วงขึ้น แต่สุดท้ายกลับเข้าเส้นทางได้ถูก แต่ระหว่างทางดารินโดนงูรัด รพินทร์เข้าช่วยแต่โดนงูกัดที่ข้อมือลึกเข้าไปถึงเส้นเลือดดำ ดารินทำแผลให้ และเอาฟองน้ำจากเสื้อใน อุดเลือดให้ รพินทร์ซึ้งใจมากไปอีก สองคนไปดักรอจุดที่พวกกะเหรี่ยงออกมาตัดไม้และสร้างปางพัก มีของกินด้วย และสุดท้ายคณะใหญ่ เชษฐา  แงซาย เกิด พร้อมกับชาวบ้านก็ตามมาถึง ทุกคนยินดีที่ได้เจอกัน โต๊ะถะ เป็นกะเหรี่ยงนายบ้านที่มีปัญหาว่าเสือเข้ามากวนมากเหลือเกิน สุดท้ายรพินทร์รับปากจะช่วยโดยเดินส่องเสือ สังหารเสือได้หลายตัวจนคิดว่าหมู่บ้านปลอดภัย จึงออกเดินทางต่อ ช่วงนี้ทั้งสองคนตกหลุมรักกันแล้วแน่นอน บางคืนดารินนอนไม่หลับ ออกมาเคลิ้ม ๆ มาพิงอกรพินทร์เฉยเลย ทั้งหมดอยู่ในสายตาของแงซายด้วย คราวนี้รพินทร์มีปัญหากับแงซายเพราะแงซายบอกว่าพระธุดงค์มาขอบิณฑบาตชีวิตเจ้าแหว่ง ถ้าไม่เชื่อจะมีคนได้รับบาดเจ็บกันเพิ่ม รพินทร์โกรธมาก แต่เรื่องก็ยุติไปได้อีกครั้งเพราะดารินเข้าขวางไม่ให้รพินทร์มีเรื่องกับแงซาย เดินทางต่อผ่านดงทาก แต่ว่าได้น้ำมันละมั่งมาทากันทุกคน สถานีต่อไปผ่านดงจระเข้
B5 คราวนี้ใช้อุบายหาสัตว์ที่ตายมาโยนให้จระเข้ทึ้ง และคนเดินให้น้ำกระเพื่อนน้อยที่สุด ทุกคนสามารถข้ามมาได้อย่างปลอดภัย คืนนี้ระหว่างการผลัดกันอยู่เวรยาม เชษฐารับยามต่อจากไชยยันต์สองคนเห็นเหมือนกันเป็นผู้หญิง เปลือยอก เดินเข้ามาในแค้มป์ แต่รพินทร์ยิงทิ้งเสียเพราะว่าเป็นเสือสมิง วันต่อมาชาวคณะเดินทางหาแหล่งน้ำ แต่ระหว่างทางก็เจอพญาอสรพิษตัวใหญ่ยักษ์ ปราบได้เหมือนเดิม ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ แต่ทันใดนั้นก็ปะทะกับโขลงช้างอีก อีกกันหูดับปรากฏว่าฝ่ายลูกหาบตายไปสาม ตามที่แงซายเล่าถึงฝันทุกอย่าง ยังมีการโจมตีของช้างอีกอย่างต่อเนื่องเหมือนกับว่าช้างทุกป่าจะรวมกันหมดเพื่อโจมตีคณะรพินทร์ครั้งนี้ สู้ด้วยปืนไม่ได้ รพินทร์ตัดสินใจให้วางระเบิดสู้กับช้าง ระหว่างการรอคอยดารินไม่สามารถพักตาได้เหมือนเดิม เลยคุยกับไปเรื่อยเปื่อยกับรพินทร์ถึงได้ทราบว่าเขาเคยรักผู้หญิงคนนึง และผู้หญิงคนนั้นไปแต่งงานกับคนอื่น ทำให้เขาหัวใจสลาย ไม่คิดที่จะมีคนรักใหม่ พักกันได้ไม่นานคราวนี้เจอช้างตลบด้านหลัง รอบนี้เชษฐาโดนหินก้อนใหญ่ที่พวกช้างผลักลงมาทำให้ขาหัก ในขณะนี้ครั้งนี้ ต้องระเบิดพื้นที่เพื่อกำจัดโขลงช้างซึ่งช่วยให้การโจมตีครั้งนี้สิ้นสุดไปได้อีกครั้งพร้อมกับการสำรวจความเสียหาย พบว่าเชษฐาขาหัก ต้องผ่าตัดด่วน เพราะเสียเลือดมากเลยต้องหาเลือดด่วนพอดีแงซายมีเลือดกรุ๊ปประหลาดกรุ๊ปเดียวกับเชษฐาก็เลยสามารถให้เลือดได้ เชษฐาปลอดภัย พักฟื้น โดยมีดารินเฝ้าแค้มป์ ส่วนที่เหลือออกไล่ล่าเจ้าแหว่ง ก่อนออกเดินทางดารินแวะไปคุยกับรพินทร์และขอร้องให้กลับแค้มป์ภายในสามวัน เพราะไม่อยากให้หายไปนาน ตัวเองไม่สบายใจ คืนนั้นดารินเปลี่ยนผ้าพันแผลที่ข้อมือรพินทร์ที่หายดีแล้ว แต่ยังไม่ถอดฟองน้ำออก ดารินเปลี่ยนใหม่เป็นใช้ผ้าพันคอสีรุ้งสวยงามพันให้ใหม่ เพราะต้องอยู่นานแถมว่างดารินเลยทำปางพักให้น่าอยู่ขึ้นโดยมีตาเฒ่าบุญคำช่วยกับบรรดาลูกหาบช่วยกันปรับปรุงพื้นที่ ทำให้น่าอยู่สบายกว่าเดิมมาก รพินทร์หายไปหกคืน ระหว่างนั้นดารินทำความคุ้นเคยกับพื้นที่ปางพักทุกวัน และทำหน้าที่แทนรพินทร์ ในขณะที่บุญคำก็ทำหน้าที่แทนแงซาย ระหว่างอยู่ด้วยกันดารินหลอกถามประวัติของรพินทร์ รู้ว่าเคยรักกับหลานของคุณอำพล แต่โดนทิ้ง พอฝ่ายหญิงกลับมาคืนดีด้วย ก็ไม่ยอมคืนดี ดารินอยากรู้แสงโสมจะสวยขนาดไหน ความในใจดาริน เชษฐารับรู้ทั้งหมด และได้แต่เตือนว่าไม่ควรเผลอใจ หกวันผ่านไปรพินทร์กลับมาพร้อมกับบอกข่าวว่าเจอรอยว่าไอ้แหว่ง ย้อนกลับมาที่ปางพักนี้อีก แต่เพราะความแข็งแรงมั่นคงของปางพัก เลยยังทำอะไรไม่ได้ อาการของเชษฐาดีขึ้นทำให้ดารินขอร่วมขบวนล่าไอ้แห่วงด้วย โดยมีบุญคำอยู่ดูแล ช่วยเหลือเชษฐาที่อาการดีขึ้นมาก ก่อนการเดินทางดารินมีอากาสคุยกับรพินทร์ส่วนตัว บรรยากาศดีขึ้นมาก มาสะดุดตรงที่ดารินบอกว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่ต้องห่วงเธอ เพราะเธอไม่ใช่แสงโสม ทำให้รพินทร์หน้าตึงไม่พอใจขึ้นมา ดารินขอโทษที่ไม่ตั้งใจแซว รพินทร์ไม่ว่าอะไรได้แต่ผละไปเฉย ๆ ในการตามตัวไอ้แหว่งจากความเป็นช่างสังเกตของดาริน พบว่าช้างโขลงนี้ต้องไปแช่โคลนที่ไหนสักแห่ง ซึ่งทำให้สามารถดักล่าได้ง่ายกว่าที่จะตามไปเรื่อย ๆ รพินทร์เห็นด้วย คราวนี้คณะล่าไอ้แหว่ง 7 คนแบ่งเป็นสามสาย รพินทร์ไปกับดารินเหมือนเดิมและคลานลอดเถาวัลย์มุดเข้าไปอยู่กลางโขลงช้าง พอดีลมเปลี่ยนทิศ ทำให้ช้างรู้ตัว ตื่นกันขึ้นมา ระหว่างที่ช้างจะเข้าทำร้ายดาริน รพินทร์เข้าช่วยโดนช้างจับโยนไปหมดสติ แต่รู้ตัวอีกครั้งบนตักของดารินที่เล่าว่าเธอยิงเจ้าแหว่งได้แล้ว ไม่รู้ว่าโดนตรงไหน โชคดีที่รพินทร์โดนโยนตกไปบนเถาวัลย์ที่ช่วยรับน้ำหนักตัวเขาไว้ได้ เคล็ดนิดหน่อย ดารินไม่เป็นไรเลย เมื่อทุกคนมาสบทบกันได้ก็ตามรอยไอ้แหว่งไป จนไปถึงหน้าม่านน้ำตกโดยมีแงซายนำทางไปจนเจอว่าไอ้แหว่งยืนตายอยู่ในถ้ำ ดารินขออโหสิกรรมต่อซากเจ้าช้างใหญ่ อย่างไม่น่าเชื่อว่าหลังจากการอโหสิกรรมแล้ว ร่างช้างก็ทรุดลงเท่ากับว่ายอมอโหสิให้ แงซายขออนุญาตบอกว่าเขาขอโทษที่ไม่ได้บอกทางลับนี้ให้รพินทร์ทราบเมื่อคราวออกตามไอ้แหว่ง เพราะรู้ว่าไม่มีพรานคนไหนที่จะสังหารไอ้แหว่งได้นอกจากผู้หญิงคนเดียวในทีม และตอนนั้นดารินไม่ได้มาด้วย เกรงว่าถ้าบอกทางไปแล้วไม่ใครก็ใครในทีมจะต้องตายหากเจอกับไอ้แหว่งจึงไม่ได้บอกเรื่องทางลับนี้
B6 ขบวนผู้พิชิตไอ้แหว่งกลับถึงที่พักใกล้ค่ำ มีงานเลี้ยงกันหนุกหนานตามที่เกิดมากะลิ้มกะเหลี่ยไว้ สำหรับลูกหาบดารินคือเจ้าแม่ของพวกเขา ครั้งแรกคิดว่าบังเอิญที่ล้มมหิงสาได้ แต่ครั้งนี้สามารถล้มเจ้าแหว่งได้อีก ไม่ธรรมดาแล้ว คืนนั้นดารินรับรู้ว่ารพินทร์ใช้ก๊อซพันทับผ้าพันคอพัน เพราะกลัวผ้าที่ดารินให้จะสกปรก สำหรับซากของไอ้แหว่ง แงซายขอไว้เพราะเป็นสัตว์ที่มีความฉลาดผิดมนุษย์ ขอให้ทิ้งซากไว้อย่าไปยุ่ง เพราะขนาดตายยังไปยืนตายในถ้ำ ไม่ยอมตายแบบธรรมดา เชษฐายอมตามนั้น คณะพักต่ออีกนิดนึง และเดินทางไปหล่มช้างต่อเพราะเชษฐาเกรงว่าจะเสียเวลา เดินทางมาถึงพุเตย คณะสังเกตเห็นว่ารพินทร์อึดอัดใจ แทนคำตอบ ดารินรู้ว่าแงซายรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น นั่นเพราะว่าที่พุเตย มีคนอยู่อาศัยแต่ลักษณะไร่ นา ผิดปกติไป ระหว่างการเดินทางหาแหล่งน้ำ ชาวคณะดีใจที่พบแหล่งน้ำ แต่ปรากฏว่ายังไม่ทันจะได้กินน้ำ ก็พบศพตายแห้งซากของหญิงสาวครึ่งตัวบน รพินทร์ขอเข้าไปดูในหมู่บ้าน เพราะผิดสังเกตมาก ไชยยันต์ของตามไปด้วยและพบว่าเป็นหมู่บ้านร้างซะแล้ว มีแต่ซากศพคนตาย ยิ่งกว่านั้นตอนที่จะกลับออกมายังหลงไปหลงมาจนรพินทร์ต้องใช้ไสยเวทย์เปิดทางถึงกลับเข้าที่พักไปรายงานให้คณะทราบ รายงานเสร็จ เดินผ่านแงซายรพินทร์ก็พลาดอีกที่ไม่ให้แงซายบอกเรื่องหมู่บ้านร้างกับลูกหาบ ในขณะที่แงซายเตือนว่าควรบอกให้รู้ ซึ่งเป็นที่ขัดใจรพินทร์มาก  คืนนั้นปรากฏว่าเส่ยที่ติดใจลูกสาวผาเอิง หัวหน้าหมู่บ้านหายเข้าหมู่บ้าน โดยจันบอกว่ามีสาวมารับ ไชยยันต์รู้ความดี ตกใจมาก รพินทร์ ดาริน ไชยยันต์ เกิด และจัน ต้องเข้าไปช่วยไว้ได้ทัน โดยมีหมอผีบุญคำช่วยไล่ผีให้ด้วย สุดท้ายทั้งหกคนช่วยกันเผาหมู่บ้านร้างเพื่อส่งวิญญาณ และนำตัวเส่ยที่หมดสติ ไข้ขึ้นกลับมารักษาตัว และเดินทางต่อ
รอบนี้ระหว่างการพัก ได้ยินเสียงดังซู่ ๆ รู้สึกเหมือนใครเคลื่อนซุง ทุกคนระวังระไวและชินกับอันตรายสารพัดรูปแบบที่มาไม่ซ้ำกัน คืนนั้นผ่านไปไม่มีอะไรเกิดขึ้น การเดินทางวันต่อมาระหว่างการเดินทางได้ยินเสียงผิดปกติแถมมีเสียงหญิงสาวกรีดร้อง ตามไปต้นเสียงพบเจ้ามุโดนหมู่ป่าขวิดไส้ทะลึก กะเหรี่ยงสาวต้นเสียงคือนางอั้วเป็นสาวคนรักของเจ้ามุ ผมยาวไปพันติดเขี้ยวหมูป่า เลยไม่ได้รับอันตรายอะไรมาก ช่วยชีวิตกันแล้วสอบถามได้ความว่าที่หมู่บ้านของคะหยิ่น ผู้พ่อที่เป็นนายบ้านหล่มช้าง มีปัญหาอาเพศ สัตว์เลี้ยงในหมู่บ้านหายไปไร้ร่องรอย พ่อ แม่ของนางอั้วเข้าป่าก็หายไป คะหยิ่นเห็นว่าคนบ้านนี้เป็นเสนียด เลยขับนางอั้วออกจากชุมชน แต่เจ้ามุที่ชอบพอกับนางอั้ว ทนไม่ได้เลยตามนางอั้วจนได้รับอันตราย ที่พวกรพินทร์ช่วยชีวิตไว้ได้ ก่อนเข้าหมู่บ้านหล่มช้าง แงซายเล่าว่าหมู่บ้านนี้คล้ายกับหมู่บ้านโจร ได้ข่าวมีมิชชันนารีสองคนโดนปล้น ฆ่าที่นี่ แบบว่าใจร้ายดารินโกรธให้ล้อมหมู่บ้านซะเลย แต่รพินทร์บอกว่าโหดมาก และขอเข้าไปในหมู่บ้านพร้อมเกิด จัน เส่ย หายไปพักนึงกลับออกมาพร้อมคะหยิ่น ที่ไชยยันต์เห็นเข้าแล้วบอกว่านี่มันองคุลีมาล อายุประมาณ 50  คะหยิ่นคนโตคุยเขื่องไม่กลัวใคร ขอเข้าไปดูเจ้ามุลูกชาย แต่ดารินกั้นไว้ ส่วนนางอั้วกลัวคะหยิ่นมาก คณะหยุดความยะโสของคะหยิ่นด้วยการให้ดารินแสดงฝีมือยิงปืนตัวขั้วผลมะขวิด สี่ลูก ในขณะที่คะหยิ่นที่บอกว่าแม่นมาก ทำให้แค่ยิงลูกมะขวิดแกว่งเท่านั้น ไม่พอดารินยังแสดงฝีมือยิงจานร่อน รพินทร์ก็ไม่เคยเห็นฝีมือดารินมาก่อน ไม่พอไชยยันต์ยังแสดงแสนยานุภาพยิงไม้ใหญ่ซะโค่น ทำให้คะหยิ่นมั่นใจว่าคณะนี้น่าจะปราบงูยักษ์จ้าวที่เข้ามาอาละวาดหมู่บ้านได้ วันนั้นเชษฐาให้ของกำนัลที่เตรียมมากับชาวหมู่บ้านมากมาย คะหยิ่นดีใจสุด ๆ และต้อนรับทีมอย่างดี ทุกคนสามารถเดินเล่นในหมู่บ้านได้อย่างสบายใจไม่เหมือนข่าวตอนแรกที่ได้ยินมาเลย เพราะว่าต้องพักที่นี่หลายวันรอให้เชษฐาหายดี คะหยิ่นเลยระดมคนมาปลูกที่พักในคณะเชษฐา และช่วยปราบงูยักษ์จ้าวตามที่รับปากไว้ ขณะเดียวกันดารินก็ให้การดูแลรักษาพยาบาลเจ้ามุ โดยมีนางอั้วเฝ้าอย่างใกล้ชิด ด้วยความวิตกเรื่องการสังหารงูยักษ์ ของรพินทร์ที่เปรยขึ้นมา แงซาย เสนอให้ใช้ระเบิดที่เตรียมมา และทำธนูเป็นตัวส่งระเบิด เหมือนที่เขาเคยปฏิบัติการมาก่อน น่าจะสังหารงูยักษ์พันปีได้ รพินทร์เห็นด้วยและแยกย้ายกันไปดำเนินการตามความถนัด ระหว่างการลองธนูคะหยิ่นหงายผลึ่งเพราะไม่รู้ฤทธิ์ระเบิด ทุกคนปล่อยให้รู้ฤทธิ์ จะได้เพิ่มความศักดิ์สิทธิ์ ตอนนี้นอกจากรพินทร์ที่คะหยิ่นเกรง ยังมีแม่มดคนสวยอีกคนที่คะหยิ่นปอด ไม่กล้าหือ ที่หล่มช้างรพินทร์มักจะไปคลุกอยู่ในหมู่บ้านไม่ออกมากินอาหารกับคณะ ดารินห้ามไม่ให้รพินทร์ไปคลุกในหมู่บ้านโดยอ้างเหตุผลว่ารพินทร์ไม่อยู่ ไม่ปลอดภัย แต่จริงๆ แล้วอยากอยู่ใกล้ชิดรพินทร์มากกว่า คืนนึงเจ้ามุไข้ขึ้น ดารินลุกขึ้นมาให้ยา นอนไม่หลับเดินออกไปเจอรพินทร์ ขวางกันจะขอผ้าพันคอคืน เพราะผ้าห่มอย่างดีที่ดารินเคยให้ รพินทร์ก็เอาไปกำนัลคะหยิ่นซะแล้ว รพินทร์ไม่ยอมคืนผ้า คืนนั้นรพินทร์ได้จูบดาริน ดารินก็เผลอใจรักรพินทร์เข้าเต็มที่ยอมให้รพินทร์จูบปาก เหตการณ์ทั้งหมดน่าจะมีแงซายคนเดียวที่รู้ เพื่อน และพี่ชายไม่ระแคะระคายเลย หรืออาจไม่ทำอะไรให้เป็นที่น่าสงสัย เพราะรพินทร์ไม่สังเกตเห็น กลัวอยู่เหมือนกันว่าดารินจะไปฟ้องพี่ชาย ค่ำคืนนี้อีกครั้งรพินทร์ไม่ไปกินอาหารกับเจ้านาย ดารินก็แปลกใจเพราะว่ารับปากเธอไว้แต่ไม่ยอมปฏิบัติ กลางคืนตาคำมาขอยาแก้ไข้อ้างว่าจะเอาไปให้เส่ย แต่ดารินตามไปดูถึงรู้ว่ารพินทร์จับไข้ตั้งแต่ค่ำ ก็ให้การรักษาไป และทราบเพิ่มเติมว่ารพินทร์ป่วยแบบนี้มาได้ 6-7 ปีแล้ว ระหว่างการดูแล รพินทร์เพ้อด้วยพิษไข้ถึงแสงโสม ว่าทำให้เขาหัวใจสลาย พอฟื้นไข้ รพินทร์ก็เห็นสิ่งที่หัวใจเรียรกร้องคือดารินอยู่ข้างเคียงเขา คุยกันว่าถ้าเขาเป็นอะไรไปฝากให้ช่วยดูแลแม่เขาด้วย เขาเป็นลูกจ้างเท่านั้น ในขณะที่ดารินก็ขัดใจไม่ให้รพินทร์พูดเรื่องลูกจ้าง นายจ้าง แยกจากกันด้วยคำแปลเนื้อเพลงที่แงซายร้องซึ่งมีความหมายว่าตอนกลางคืนมีแต่สิ่งดี ๆ แต่พอสายทุกอย่างก็หายไปเหมือนความรักที่เขาสองคนมีให้กัน สาย ๆ มาดารินเล่าว่ารพินทร์ที่หายไปตั้งแต่เช้า เมื่อคืนไข้ขึ้นเพราะเป็นมาลาเรีย เชษฐารู้เข้าก็ให้ไปตามตัวรพินทร์มาด่วน แต่ไม่ทันไร ทุกคนวิ่งกลับมาที่บ้านพักพร้อมกับข่าวร้ายว่างูยักษ์มาอีกแล้วคราวนี้จ้าละหวั่นกันตามเดิม เชษฐาแม้จะขาหักอยู่แต่สามารถยิงลูกตาเจ้างูยักษ์ได้ ที่เหลือเป็นการตามล่างูของคนอาการครบ 32 ที่ตามรอยเลือดงูไป
B7 ขณะที่รพินทร์ กำลังจะให้คะหยิ่น คลานไต่บ่อโคลน ก็เห็นกองเลือดปริมาณมาก นอกจากนั้นยังพบหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าเชษฐายิงโดนลูกตาเจ้างูยักษ์ด้วย  ทั้งหมดข้ามบ่อโคลนดูดได้อย่างทุลักทุเล รพินทร์อดไม่ได้ที่จะเห็นใจดารินอีกครั้ง ครั้งนี้ชาวคณะรู้สึกว่าต้องฝากชะตาไว้กับเจ้าคะหยิ่น กะเหรี่ยงขี้โม้ซะแล้ว ในการเดินทางอย่างยากลำบากช่วงนั้นดาริน ถึงกับหมดแรง หลับตา หน้าซีด คะหยิ่นก็สงสัยว่าเจ้าแม่ดารินหมดแรงซะแล้วหรือ แต่ปรากฎว่าดารินที่นอนหลับตาอยู่ระหว่างที่คณะกำลังหารือเรื่องการหาทางกำจัดเจ้างูยักษ์ ไม่น่าเชื่อว่าตำแหน่งที่ดารินนอนอยู่คือจุดที่เจ้างูยักษ์พักอยู่ด้านบน ทำให้เลือดหยดแหมะมาโดนดาริน และเป็นเหตุให้ทุกคนรู้ที่ซ่อนของสัตว์ร้ายและก็สามารถสังหารได้สำเร็จ ทั้งหมดอยู่ใต้ท้องงูยักษ์ สังหารด้วยธนูไนโตรฯ ได้ แต่ทุกคนก็จะเละไปด้วย รพินทร์ขอให้ทุกคนแยกไป ส่วนเขากับแงซายจะไปอีกทางเพื่อหาทางยิงธนูระเบิด ยังตกลงกันไม่ได้ คู่ของงูยักษ์มาอีกตัว รพินทร์ไม่ห่วงตัวที่เจ็บ แต่ห่วงตัวใหม่ที่พุ่งตรงไปที่คณะไชยยันต์ ทั้งสองจึงต้องวิ่งตามไปติด ๆ ดารินไม่รู้เรื่อง เสียสติไปแล้วด้วยความตกใจ ดีแต่ไชยยันต์ฉุดหลบเข้าไปในโพรงหิน เจ้างูยักษ์โผล่หัวกะจะจัดการมนุษย์น้อยสองคน รพินทร์กับแงซายตัดสินใจยิงธนูติดระเบิดที่กลางลำตัวก่อน พอระเบิดทำงานก็ซ้ำที่หัว ตายสนิทในขณะที่เจ้าตัวคู่ของมันเลื้อยปราดไปพันร่างงูที่ตายแล้ว รพินทร์จึงยิงซ้ำจนตายทั้งสองตัว ดารินยังไม่หายตกใจ อาการหนักสุด เสร็จงานนี้คะหยิ่นเอาเกล็ดพญานาคกลับหมู่บ้าน เจ้ามุกับนางอั้ว ดีใจที่สามารถปราบสัตว์ร้ายลงได้ ดารินเลยถือโอกาสให้คะหยิ่น ยกโทษให้ลูกชาย และมอบตำแหน่งนายบ้านให้ลูกชาย และให้ทั้งสองอยู่กินด้วยกันในขณะที่ตัวเองขอตามไปรับใช้ดารินในป่าลึกต่อไป
เพราะเชษฐายังไม่แข็งแรงดี คณะนี้เลยต้องอยู่ที่หล่มช้าไปก่อน ขณะที่เจ้ามุก็อาการยังไม่ดีนัก แต่พวกลูกหาบที่มาจากหนองน้ำแห้ง ต้องแยกตัวกลับออกไปเพราะทุกคนมีห่วงอยู่ข้างหลัง ระหว่างการพักอยู่ที่หล่มช้าง คะหยิ่นให้ลูกเสือตัวน้อยกับดาริน ในขณะที่ดารินเข้ากับคนในหมู่บ้านหล่มช้างได้เป็นอย่างดี ไม่ได้ทุกที่ ทุกแห่ง เจ้าคะหยิ่นเนื่องจากตกลงว่าจะเข้าป่ากับคณะเชษฐาก็เลยได้ปืนใหม่ เจ้านี่บ้าปืนใหม่มาก ออกป่าทุกวันได้ส่วยมาส่งให้คณะนายจ้างทุกวันเหมือนกัน แต่คะเหยิ่นยังมีปัญหาเรื่องการเลือกใช้กระสุน เลยเอากระสุนยิงไก่ ไปยิงช้าง เกือบโดนช้างเหยียบตาย ส่วนไชยยันต์ก็เข้าป่ากับแงซายเป็นประจำและสร้างชื่อด้วยการล้มแรดตัวใหญ่ที่ชาวบ้านต้องการสังหาร สังหารช้างที่ชอบมากวนหล่มช้าง และอีกสารพัด ที่ไชยยันต์เรียนรู้จากแงซาย ก่อนออกเดินทางขณะที่รพินทร์คุยอยู่กับดาริน ก็ต้องชวนกันไปทำคลอดสาวหล่มช้าง พอทำคลอดสำเร็จดารินเลยต้องกลายเป็นแม่ยกของหนูน้อย เจ้าพลาย ไปอีก ก่อนการเดินทางดารินตัดผมใหม่ให้สั้น โดยคำแนะนำของรพินทร์ที่บอกให้เชษฐาลงมือตัดให้ดาริน ก็เก๋ไปอีกแบบ การเตรียมอุปกรณ์ภายใต้คำแนะนำของรพินทร์เพราะต้องใช้ลูกหาบน้อยลง ไม่สามารถบรรทุกเกวียนได้อีกแล้ว ทุกอย่างจึงต้องจัดเตรียมไปอย่างเหมาะเจาะ เลือกปืนที่มีประสิทธิภาพที่สุด จำนวนเท่ากับคนเดินทาง คันธนูไม้ แงซายเอาติดตัวไปด้วยแต่ทำเป็นคานหาม ก่อนออกเดินทางบุญคำจุดธูปขอเปิดป่า การเดินทางช่วงนี้เดิน ๆ และเดิน บางช่วงต้องไต่หน้าผา เพื่อไปสู่หัวแร้ง เข้าช่องเขาขาด ตัดป่าแดง และเข้านรกดำ ตามแผนที่ที่ได้มา  แต่พอมาซักถามกันระหว่างพักก็ได้ความว่าทางที่รพินทร์พาเดินไกลไป มีทางลัดแต่รพินทร์ไม่ได้ถาม แงซายเลยไม่กล้าบอก เพราะเห็นว่าตัวเองไม่ใช่พรานนำทาง รพินทร์เลยหงุดหงิดอีกรอบ และสั่งให้แงซายเดินนำทางไปบ้าง ระหว่างที่คณะกำลังตั้งแค้มป์ก็พบหลักฐานว่าน่าจะเป็นจุดที่อนุชากับหนานอิน เคยมาพักแรม คืนนี้เป็นคืนแรกที่ทุกคนนอนใกล้กัน รพินทร์โรยยากันแมลง อย่างที่ไม่เคยทำ ไม่มีการอยู่ยาม รพินทร์ให้ทุกคนพักผ่อน  อีกครั้งที่ดารินนอนไม่หลับพร้อมเลยคุยกันขึ้นมาว่าไม่คิดจะรักดารินบ้างเลยเหรอ ไชยยันต์ก็บอกว่าคิด แต่อายที่จะคิด และรู้ว่าดารินไม่ได้รักเขาเลย ดารินเข้าใจไชยยันต์ จูบลาไชยยันต์และหลับลงได้ รพินทร์ก็ไม่หลับเลยได้ยินที่ทั้งสองคุยกัน ลุกออกมานั่งผิงไฟ ดารินก็ตื่นออกมาเหมือนกัน มีปากเสียงกันนิดหน่อย เรื่องนายจ้างกับลูกจ้างรพินทร์เลยบอกว่าเดี๋ยวบีบคอให้ตายเลยพูดอยู่ได้นายจ้าง ลูกจ้าง ดารินเผลอตัวตบรพินทร์ซะเลือดกลบปาก และนั่งเสียใจร้องไห้ ทำอะไรไม่ถูก รพินทร์ไม่ให้เสียงดังและให้กลับไปนอน ดารินไม่ยอมไป ร้องไห้ออกมา และได้แต่บอกว่าไม่น่ามาเจอรพินทร์เลย รพินทร์เลยเป็นฝ่ายกลับไปนอนเอง แงซายมาอยู่เป็นเพื่อนดาริน ดารินให้ไปฆ่ารพินทร์ให้ตาย แต่พอแงซายไปจริง ๆ ดารินก็บอกว่าพูดเล่นกลัวแงซายจะฆ่ารพินทร์จริง ๆ แต่จริง ๆ แงซายย่องไปหารพินทร์ แต่ไปบอกว่ามดขนไข่  และพนันว่าดารินชอบผู้กองแล้ว  รพินทร์บอกให้ดูแลดารินให้ดี อย่าหลับซะก่อน คืนนั้นฝนตกจริง และน่าตกใจที่ตาคำพบว่ามีรอยเท้าคนป่ามาแอบดูพวกเขา มากัน 6-7 คน ดารินนึกขึ้นได้เรียกแงซายมาดู แงซายเห็นรอยก็ตกใจเพราะคิดว่ารู้ว่าต้องเป็นพวกสางเขียวแน่ พวกนี้เป็นคนป่าดุร้ายมาก มีลูกดอกอาบยาพิษเป็นอาวุธ แต่คะหยิ่นมียาแก้และมีการสาธิตการทำงานของยาถอนพิษให้ชาวคณะดูจนเกิดความมั่นใจ และรู้ว่าตอนนี้ออกพ้นเขตประเทศไทยมาอยู่ในถิ่นพม่าแล้ว ระหว่างทางคณะก็พบกับที่พักของมะราบรี (ตองเหลือง) ตาคำได้กลิ่นเลือด และคณะก็พบกับขวากของสางเขียว ที่มีรอยเลือดของมะราบรี ที่แงซายบอกนี่ก็เป็นเหตุให้รพินทร์แทบจะอัดแงซายอีกครั้ง รพินทร์พยายามหาทางเลี่ยงไม่อยากเจอพวกสางเขียว การพักกินกลางวันวันนั้นคณะฯ ได้พบหลักฐานอีกว่าอนุชาเคยมาพักอยู่เช่นกัน และใช้ถ่านเขียนกลอนไว้ที่ก้อนหิน คณะนายจ้างอ่านแล้วเศร้า คำกลอนลงวันที่ไว้ด้วยห่างจากวันที่ตามหาปีกับสี่เดือน ดารินถามเรื่องตอนที่แงซายตามมา ได้ข่าวเรื่องสางเขียวหรือเปล่าเพราะกลัวว่าอนุชาจะเจอมนุษย์กินคนพวกนี้เข้า ระหว่างการพัก รพินทร์แจ้งให้คณะนายจ้างทราบว่าตอนนี้มาถึงหัวแร้งแล้ว ยังไม่ทันไรได้ยินเสียงกรีดร้อง วิ่งกันไปที่ต้นเสียงก็พบมนุษย์กินคนทาหน้าขาว ผมยาวกระเซิง 10 ตัวกำลังกินเนื้อหญิงสาวเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายโดยการผ่าหน้าอก ควักหัวใจออกมากิน ฉีกร่างเหยื่อเป็นชิ้น ๆ เชษฐาทนไม่ไหวสั่งยิง ไม่ตายหมด มีเหลือรอดไปได้ 4-5 ตัว บริเวณนั้นมีตองเหลืองอีกตัวโดนจับขังในกระชุ คณะช่วยเหลือไว้ได้ จึงได้รับรู้ว่าลูกสาวตนโดยฆ่าตายแล้ว และแยกตัวไปด้วยความขอบคุณในความช่วยเหลือของทีมเชษฐา สางเขียวโดนเก็บไปอีกสองทีหลัง เพราะมาแอบดักยิงอีก และระหว่างการเดินป่าที่อันตรายนี้เอง คณะเชษฐาก็พบกับดร ฮอฟมัน มาเรีย และส่างปา กะเหรี่ยงขี้ลิง ที่มีความพิการทางเพศ แต่ซื่อสัตย์มาก แต่มักจะทำให้ทีม ดร,ฮอพมันหลงป่า จนมาพบกับคณะของรพินทร์ ทีมของส่างปาไม่รู้ว่ากำลังอยู่ในพื้นที่อันตราย ซึ่งทันทีที่พบรพินทร์ก็แสดงความอึดอัดใจออกมา เพราะมาเรียเป็นฝรั่งเศสที่ ไม่แคร์เรื่องเพศ ชอบเอาชนะคนอื่น และเคยพยายามที่จะจัดการกับรพินทร์ แต่รพินทร์ไม่เอาด้วย และวันที่เกิดปัญหารพินทร์ก็ขอยกเลิกการรับจ้างกับ ดร.ฮอฟมัน โดยไม่แจ้งเหตุผล แต่ตอนนี้มาเจอทีมนี้หลงป่าอยู่ ประกอบกับอยู่ในช่วงเวลาของการหนีพวกมนุษย์กินคน วันที่เกิดเหตุเป็นวันที่คณะของรพินทร์เตือนทีมดร,ฮอฟมันแล้วว่าอย่าไปอาบน้ำนาน แต่ดร. ไม่เชื่อจนในที่สุดพวกมนุษย์กินคนมาจับตัวมาเรียไป และสังหาร ดร.ฮอฟมัน ก่อนตาย ดร.ฮอฟมันได้ขอร้องให้รพินทร์ไปตามตัวมาเรียกลับมาให้ได้ สางเขียวเข้าโจมตีกลุ่มรพินทร์ตลอด จนรพินทร์ต้องใช้ธนูระเบิดยับยั้งการโจมตีของสางเขียวจนซาการบุกลงบ้าง คณะมีความเห็นพ้องกันว่ามาเรียน่าจะยังมีชีวิตอยู่ จึงตกลงใจหยุดเรื่องการตามหาคนหายแต่ไปตามหามาเรีย ระหว่างการเตรียมการเข้าช่วยสางเขียว ทุกคนนอนเอาแรง ปรากฏว่ามีสัญญาณจากเจ้าตองเหลืองเกอะที่รอดตายมาบอกทางว่าพวกสางเขียวที่มีลูกหัวหน้าเผ่า เตรียมรมไฟวางยาคณะรพินทร์ ซึ่งแงซายก็มีทางแก้ให้ทุกคนทาว่านป้องกัน ตกดึกคืนนั้นสางเขียวโดยการนำของเจ้าลู ลูกชายหัวหน้าเผ่าซูซู คิดว่าการมควันทำให้ทุกคนหมดสติหมดแล้ว ย่องมาดูดาริน สาวผมดำที่อินคาบอกว่าจะเป็นสมบัติของเขา เตรียมเงื้อมีดแทงเชษฐา ทันใดนั้นเอง รพินทร์ก็สั่งฆ่ามัน ทุกคนลุกขึ้นสู้โดยสางเขียวไม่ทันรู้ตัว ทุกตัวที่เข้ามาในที่พักตายหมด เว้นเจ้าลู ที่โดนจับและทรมานจนสารภาพความจริง และเป็นตัวนำเพื่อกลับไปที่หมู่บ้านชนเผ่าเพื่อไปช่วยมาเรีย   มีเจ้าเกอะช่วยและวิญญาณผีตองเหลืองที่เป็นตัวลูกสาวที่โดนมนุษย์กินคนฆ่าตายมาช่วยเหลือ เป็นระยะ ตามสมควร จนไปถึงจุดที่มุมบา หมอผีของชุมชน กำลังทำพิธีกรรมอุบาทว์อะไรสักอย่างกับมาเรีย ตอนนั้นรพินทร์ประกาศแลกตัวประกัน ซูซูยอมแต่ มุมบาหมอผีไม่ยอม บังเอิญเจ้าลูสามารถหลุดพ้นจากการคุมตัวของคะหยิ่น แถมตัวคุมยังโดนดีถีบตกหน้าผา ซึ่งรพินทร์ดึงแขนไว้ได้ทัน แงซายจะยิงเจ้าลูทิ้งก็ทำไม่ได้เพราะต้องช่วยรพินทร์ก่อน ทำให้เหตุการณ์ตาลปัตรไปหมด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น